ในเกียวโตมีภาษาพูดเฉพาะตัวที่เรียกว่า "เคียวโคโตบะ (京言葉)" ซึ่งสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ไม่เพียงแต่คำศัพท์ที่แตกต่างจากภาษาญี่ปุ่นมาตรฐานเท่านั้น แต่จังหวะเสียงและน้ำเสียงยังมีลักษณะเฉพาะที่แสดงถึงความสง่างามและละเอียดอ่อนอีกด้วย บทความนี้จะพาไปรู้จักพื้นฐานของเคียวโคโตบะ ทั้งลักษณะเด่น คำทักทายสำคัญ และวลีที่มีประโยชน์เวลาเที่ยวเกียวโต—ทั้งหมดในรูปแบบลิสต์ใช้ง่าย
*การซื้อหรือจองผลิตภัณฑ์ที่แนะนําในบทความนี้ ยอดขายบางส่วนอาจถูกส่งคืนให้กับ FUN! ญี่ปุ่น
😄เพลิดเพลินไปกับการเดินทางที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นไปญี่ปุ่นด้วย NAVITIME eSIM!👉คลิกที่นี่
🚅จองตั๋วชินคันเซ็นกับ NAVITIME Travel! 👉 คลิกที่นี่
ภาษาเกียวโต (เคียวโคโตบะ) เป็นสำเนียงอะไร?
“เคียวโคโตบะ” คือภาษาที่ใช้ในเขตเมืองเกียวโต เดิมทีเกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเฮอันจนถึงช่วงฟื้นฟูเมจิ แม้ว่าในปัจจุบันจะถือว่าเป็นภาษาถิ่น แต่ในเวลานั้น เคียวโคโตบะถือเป็น “ภาษามาตรฐาน” ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
แม้ในปัจจุบันจะถูกมองว่าเป็นภาษาถิ่นเกียวโต แต่เคียวโคโตบะนั้นต่างจากภาษาถิ่นเกียวโตที่รู้จักกันทั่วไป (เกียวโตเบง / 京都弁) เพราะเป็นภาษาที่ชาวเกียวโตดั้งเดิมใช้ในชีวิตประจำวัน สะท้อนถึงความสุภาพ ความละเอียดอ่อน และความอบอุ่นของวัฒนธรรมเมืองหลวงเก่า
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับภาษาถิ่นอื่น ๆ คำบางคำในเคียวโคโตบะก็ค่อย ๆ หายไปตามกาลเวลา เช่น しょうびんな (shoubin na) = ดูน่าสงสาร/ทรุดโทรม, なんぎな (nangi na) = ลำบาก ยุ่งยาก, けなりい (kenarii) = น่าอิจฉา
เคียวโคโตบะมี 2 ประเภทหลัก
เคียวโคโตบะสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ โกะโชโคโตบะ (御所言葉) ซึ่งใช้โดยสตรีในราชสำนักที่รับใช้ในวังหลวงหรือบ้านขุนนาง และมาจิคาตะโคโตบะ (町方言葉) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวันตามท้องถนน นอกจากนี้ มาจิคาตะโคโตบะยังสามารถแบ่งย่อยได้อีก เช่น โชคุนินโคโตบะ (職人言葉) หรือภาษาช่างฝีมือ ในเขตนิชิจินซึ่งมีชื่อเสียงด้านผ้าทอนิชิจิน, ฮานามาจิ โคโตบะ (花街言葉) หรือภาษาย่านบันเทิง ในกิออน, และมุโรมาจิโชนินโคโตบะ (室町商人言葉) หรือภาษาพ่อค้า ในย่านค้าส่งมุโรมาจิ
วลีเคียวโคโตบะที่ได้ยินบ่อย
ขณะท่องเที่ยวในเกียวโต คุณอาจได้ยินคำว่า おおきに (okini) บ่อยครั้ง ซึ่งแปลว่า “ขอบคุณ” คำนี้มาจาก 大きにありがたし (okiniarigatashi) ซึ่งมีความหมายว่า “รู้สึกขอบคุณอย่างมาก” เมื่อเข้าไปในร้านขายของที่ระลึกหรือสถานที่คล้ายกัน คุณอาจได้ยินคำว่า おいでやす (oideyasu) หรือ おこしやす (okoshiyasu) ซึ่งเป็นคำต้อนรับที่แปลว่า “ยินดีต้อนรับ” หรือ “เชิญเข้ามา”
ลักษณะเฉพาะของ “เคียวโคโตบะ”: เปรียบเทียบกับภาษาญี่ปุ่นมาตรฐานอย่างละเอียด!
“เคียวโคโตบะ” มีลักษณะเฉพาะในด้านเสียงสูงต่ำ ท้ายประโยค และสำนวนการพูด
ลักษณะที่ 1: การพูดแบบอ้อมค้อมและใช้ถ้อยคำสุภาพ
แทนที่จะพูดตรง ๆ เคียวโคโตบะมักใช้สำนวนที่อ่อนโยนและอ้อมค้อม เช่น แทนที่จะพูดว่า “ฉันคิดว่าดีนะ” โดยตรง คนเกียวโตอาจพูดว่า “Sore ga ee no to chigaimasu yaroka” (นั่นอาจจะดีใช่ไหมนะ) ตัวอย่างอื่น เช่น “Omoshiroi hito dosuna” แปลว่า “เขาเป็นคนแปลกนิดหน่อย” และ “Suki ni shahattara yoroshii yan” แปลเป็นนัยว่า “ขอไม่เข้าไปยุ่งจะดีกว่า”
ลักษณะที่ 2: การใช้คำซ้ำ เสียงยาว และ “u-onbin”
เคียวโคโตบะใช้คำซ้ำเพื่อเน้นคุณศัพท์ เช่น “takai takai” (สูงมาก) หรือ “atsui atsui” (ร้อนมาก) ซึ่งเรียกว่า jōgo (คำซ้ำ) และคำอย่าง “ka”(ยุง), “ki”(ต้นไม้), และ “ke”(ผม)จะออกเสียงยาวเป็น かあ(kaa), きい(kii), และ けえ(kee)ตามลำดับ ซึ่งเรียกว่า chōongo (คำเสียงยาว) นอกจากนี้ยังมี “u-onbin” ซึ่งสระสุดท้ายจะกลายเป็น “う” เช่น “marui” (กลม) กลายเป็น “まるう” (maruu) หรือ “karai” (เผ็ด) กลายเป็น “かろう” (karou)
ลักษณะที่ 3: คำศัพท์เฉพาะ
คำบางคำในเคียวโคโตบะมีคำตรงข้ามในภาษาญี่ปุ่นมาตรฐาน แต่หลายคำก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เช่น おおきに(okini)แปลว่า “ขอบคุณ”, いけず(ikezu)แปลว่า “ใจร้าย”, และ ほかす(hokasu)แปลว่า “ทิ้ง” แทนการใช้คำสั่ง “shinasai” (ทำซะ) เคียวโคโตบะจะใช้ว่า “しよし”(shiyoshi)
ลักษณะที่ 4: เสียงสูงต่ำที่แตกต่าง
เสียงสูงต่ำในเคียวโคโตบะแตกต่างจากมาตรฐาน เช่น ありがとう(arigato)ในภาษามาตรฐานจะเน้นเสียงที่ “り”(ri)แต่ในเคียวโคโตบะจะเน้นที่ “とう”(to) จังหวะโดยรวมจะไพเราะและนุ่มนวล ให้ความรู้สึกสงบและสุภาพ
ลักษณะที่ 5: ท้ายประโยคที่เป็นเอกลักษณ์
การใช้คำยกย่องก็แตกต่างกัน ขณะที่ภาษาญี่ปุ่นมาตรฐานใช้ される(sareru)เพื่อแสดงความเคารพ เคียวโคโตบะจะใช้ しはる(shiharu)
นอกจากนี้ ยังมีการใช้คำลงท้ายประโยคแบบ やす・おくれやす(yasu・okureyasu) เช่น “掃除しておくれやす”(souji shite okureyasu)แปลว่า “กรุณาทำความสะอาด” ฟังดูสุภาพกว่ารูปแบบมาตรฐานใช่ไหม?
อีกทั้ง ~へん(hen)ยังใช้ในรูปปฏิเสธ เช่น “行かへん”(ikahen/เสียงตก) แปลว่า “ฉันจะไม่ไป” แต่ “行かへん?” (เสียงขึ้น) จะกลายเป็น “ไม่ไปเหรอ?”
ลักษณะที่ 6: คำที่มีหลายความหมาย
ลักษณะพิเศษอีกประการหนึ่งของเคียวโคโตบะ คือคำบางคำสามารถตีความได้หลายความหมาย ตัวอย่างเช่น คำด้านล่างนี้สามารถตีความได้ 4 ถึง 5 แบบ
"えらい(erai)"
- จริงจัง สุดโต่ง แย่มาก
- อุกอาจ
- ยิ่งใหญ่, น่ายกย่อง
- เหนื่อย, ลำบาก, เจ็บปวด
"せんど(เซนโด)"
- จำนวนมาก
- เต็มที่
- บ่อยครั้ง
- เป็นเวลานาน
"あかん(อาคัง)"
- ไม่อนุญาต
- ไม่ได้ผล
- เปล่าประโยชน์
- อ่อนแอ
- ไม่เปิด
ลักษณะที่ 7: เคียวโคโตบะที่สวยงามและสุภาพ
ผู้คนในเกียวโตพยายามหลีกเลี่ยงคำพูดที่หยาบคาย และมุ่งเน้นการใช้ภาษาที่สุภาพและสง่างาม เช่น ประโยคคำสั่ง “待ってて!”(mattete! / แปลว่า “ช่วยรอหน่อย”)จะถูกทำให้นุ่มนวลขึ้นด้วยการเติมคำลงท้ายว่า “や” กลายเป็น “待っててや(matteteya)” ซึ่งให้ความรู้สึกอ่อนโยนกว่า
18 คำศัพท์และวลีในภาษาถิ่นเกียวโต (เคียวโคโตบะ) ที่น่าลองใช้ เช่น “Ōkini” และ “Hannari”

ต่อไปนี้เป็นวลีเคียวโคโตบะ ที่เป็นประโยชน์บางวลีที่คุณอาจอยากลองนำไปใช้ระหว่างที่คุณพักอยู่ในเกียวโต
คำทักทายและบทสนทนาเบื้องต้น 5 วลี

1. おはようおかえり(ohayokaeri)/ ความหมาย: ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ
เวลาส่งลูกหรือคนในบ้านไปโรงเรียนหรือที่ทำงาน แทนที่จะใช้ "Itterasshai" แบบภาษาญี่ปุ่นมาตรฐาน คนเกียวโตจะใช้ "おはようおかえり" ซึ่งมีความหมายว่า "ออกไปแต่เช้า แล้วกลับมาโดยสวัสดิภาพ" ถ้าพูดกับคนที่ไปทำงานจะใช้แบบสุภาพว่า "おはようおかえりやす"
2. おたのもうします(otanomoshimasu)/ ความหมาย: กรุณาด้วย
"おたのもうします" แปลว่า "กรุณาด้วยนะครับ/ค่ะ" คำว่า "tanomu" (ขอร้อง) มาจากการพนมมือขอพร มักใช้ในประโยคอย่าง "これからもおたのもうします(korekaramo otanomoshimasu)" แปลว่า "จากนี้ไปก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ/ค่ะ" ปัจจุบันยังใช้โดยไมโกะและเกอิโคะในย่านบันเทิงของเกียวโต
3. めっそうな(messona)/ ความหมาย: ไม่เป็นไรเลย
ใช้ตอบเมื่อมีคนชม เช่น ถ้ามีคนพูดว่า "คุณเก่งเรื่องเรียนจัง อิจฉาเลย" ก็อาจตอบกลับว่า "めっそうな" หมายถึง "ไม่หรอก อย่าพูดอย่างนั้นเลย"
4. すんまへん(summahen)/ ความหมาย: ขอโทษ
ใช้ในบริบทอย่างเช่น "いつもお世話になりすんまへん(itsumo osewaninari summahen)" หรือ "お先に失礼してすんまへん(osakini shitsureishite summahen)" แปลว่า "ขอโทษนะครับ/ค่ะ" มาจากความรู้สึกไม่สบายใจในใจ และใช้แสดงความขอบคุณได้ด้วยเช่นกัน
5. かんがえときます(kangaetokimasu)/ ความหมาย: ขอผ่าน
แม้ว่าในภาษาญี่ปุ่นมาตรฐานจะแปลว่า "ขอคิดดูก่อน" แต่ในเคียวโคโตบะ จริงๆ แล้วแปลว่า "ขอผ่าน" แทนที่จะพูดตรงๆ ทำให้การปฏิเสธอ่อนลงโดยการบอกเป็นนัยว่า "ขอคิดดูก่อน" ซึ่งหมายถึงการตัดสินใจที่จะไม่ทำ
6.はんなり(hannari)/ ความหมาย: สง่างามและสง่างาม
นอกเขตคันไซ คำนี้มักถูกเข้าใจว่าแปลว่า "อ่อนโยน" หรือ "สงบเงียบ" แต่ในภาษาเคียวโคโตบะ "はんなり" หมายถึง งดงาม สดใส และสง่างาม มักใช้บรรยายเสื้อผ้าหรือรูปลักษณ์ภายนอก
7 วลีที่มีประโยชน์สําหรับร้านค้าและสถานที่ท่องเที่ยว

1. おいでやす(oideyasu)/ ความหมาย: ยินดีต้อนรับ
นี่คือวลีที่คุณจะได้ยินบ่อยเมื่อเดินเข้าไปในร้านขายของที่ระลึกในเกียวโต แปลว่า “ยินดีต้อนรับและขอบคุณที่แวะมา”
ถ้าจะพูดให้สุภาพยิ่งขึ้นจะใช้ว่า "おこしやす(okoshiyasu)" นอกจากนี้ยังมีสำนวนอื่น ๆ เช่น "おいでやしとくれやす(oideyashitokureyasu)" และ "ようこそおこしやしとくれやした(yokoso okoshiyashitokureyashita)"
เช่นเดียวกับคำว่า "おいでやす" ภาษาเคียวโคโตบะนิยมใช้สำนวนแบบยกย่องที่ขึ้นต้นด้วย "お(o)" และลงท้ายด้วย "やす(yasu)" เช่น "お読みやす(oyomiyasu)" และ "お書きやす(okakiyasu)"
2. おこしやす(okoshiyasu)/ ความหมาย: ยินดีต้อนรับ (แบบสุภาพกว่า)
เป็นเวอร์ชันที่สุภาพกว่าของ "おいでやす(oideyasu)" "Okoshiyasu" ย่อมาจาก "ようお越しやした(yo okoshiyashita)" ซึ่งเป็นการกล่าวต้อนรับอย่างสุภาพ ใช้กับแขกที่จองล่วงหน้าหรือแขกที่ได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษ
3. おおきに(okini)/ ความหมาย: ขอบคุณ
"おおきに" ใช้แสดงความขอบคุณ เดิมมาจากคำว่า "おおきに(大変、大いに)ありがとう(okiniarigato)" (แปลว่า ขอบคุณมาก ๆ) ต่อมาจึงตัดคำว่า "ありがとう(arigato)" ออก เหลือเพียง "おおきに" ที่ใช้ในความหมายว่า "ขอบคุณ"
4. うつる(อุตสึรุ)/ ความหมาย: เหมาะสม, เข้ากัน
ถ้าพนักงานร้านพูดว่า "その洋服の柄はよううつってますな(sono yofukunogaraha youtsuttemasuna)" หมายถึง "ลายเสื้อนั้นเหมาะกับคุณมากเลย" คำว่า "うつる" เดิมแปลว่า "สะท้อน" หรือ "ปรากฏในสายตา" และในบริบทนี้หมายถึง สิ่งที่เข้ากันหรือเหมาะกับใครบางคน
5. ごめんやす(gomenyasu)/ ความหมาย: สวัสดี / ขอโทษ
เป็นคำทักทายง่าย ๆ ใช้ในความหมายคล้ายกับ "ขอโทษนะครับ/ค่ะ ขอผ่านหน่อย" ใช้เมื่อเข้าออกบ้านหรือร้าน หรือเมื่อต้องเดินผ่านหน้าคนอื่น เช่น "ごめんやす、奥さんいらっしゃいますか(gomenyasu okusan irasshaimasuka)?" เป็นเวอร์ชันที่สุภาพกว่าคำว่า "すんまへん(sunmahen)"
6. よろしゅうおあがり(yoroshuoagari)/ ความหมาย: ขอบคุณที่มาทานอาหาร
เป็นคำพูดที่ใช้ตอบกลับคำว่า "ごちそうさま (Gochisōsama)" ซึ่งหมายถึง "ขอบคุณที่ทานอาหาร" โดยสื่อความหมายว่า "ขอบคุณที่ได้ลิ้มลองอาหารของเรา"
5 วลีแสดงอารมณ์และสถานการณ์

1. かんにんえ(kannine)/ ความหมาย: ขอโทษ โปรดยกโทษให้ด้วย
"かんにんえ (kannine)" แปลว่า "ขอโทษ" หรือ "โปรดยกโทษให้ด้วย" บางครั้งสามารถใช้โดยตัด "え(e)" ออกได้ เช่นในประโยค "えらい遅うなってしもて、かんにん、かんにん (erai osonatte shimote, kannin, kannin)" — ขอโทษที่มาช้ามาก ๆ ยกโทษให้ด้วยนะ
2. おきばりやす(okibariyasu)/ความหมาย: ขอให้พยายามเข้านะ
"よう勉強しはりますな、おきばりやす (yō benkyō shiharimasu na, okibariyasu)" แปลว่า "คุณตั้งใจเรียนจังเลยนะ สู้ ๆ ล่ะ" คำนี้มาจาก "kibaru" ที่หมายถึงการพยายามอย่างสุดความสามารถ เป็นคำสุภาพเหมือนกับ "おいでやす (oideyasu)" และ "おこしやす (okoshiyasu)"
3. うれこい (urekoi)/ ความหมาย: ดีใจ
"明日は誕生日。うれこいな (ashita wa tanjōbi, urekoi na)" แปลว่า "พรุ่งนี้วันเกิด ดีใจจัง!" คำว่า "~こい (koi)" ยังใช้ในคำอื่น ๆ ได้ เช่น "ひやこい (hiyakoi / เย็น)", "まるこい (marukoi / กลม)", "こまこい (komakoi / ละเอียด)"
4. ようすする(yosusuru)/ ความหมาย: วางมาด ทำตัวสำอาง
เช่นในประโยค "あの人は男の人の前では、ようすするのや~ (ano hito wa otoko no hito no mae de wa, yosusuru no ya~)" — คนนั้นทำตัววางมาดต่อหน้าผู้ชายเลยนะ "ようす (yōsu)" แปลว่า "ท่าทาง" จึงหมายถึงการ "ทำตัวสำอาง" หรือ "แอ๊บ"
5. へたばる(hetabaru)/ ความหมาย: ทรุดตัวลง เหนื่อยจนหมดแรง
ใช้ในสถานการณ์ เช่นในประโยค "山登りの途中でへたばってしまったわ (yama nobori no tochū de hetabatte shimatta wa)" — ปีนเขาไปได้ครึ่งทางก็ทรุดเลย "へた (heta)" แปลว่า "แบน" และ "ばる (baru)" แปลว่า "ยืด" มีคำใกล้เคียง เช่น "へたる (hetaru)", "へちゃばる (hechabaru)" ใช้พูดถึงอาการไม่สบายได้ เช่น "風邪をひいてへたってる (kaze o hiite hetatteru)" — ไม่สบายเพราะเป็นหวัด
ความหมายที่ซ่อนอยู่ของ “จะรับบุบุสึเกะหน่อยไหม?” และวัฒนธรรมเกียวโต

ทุกวันนี้ หากมีใครพูดว่า "ぶぶ漬けでもどうどす? (bubuzuke demo dō dosu?)" ซึ่งแปลตรงตัวว่า “จะรับข้าวราดน้ำชาไหม?” มักถูกตีความว่าเป็นวิธีพูดสุภาพว่า “อยู่มานานพอแล้ว กลับได้แล้วนะ” แต่เดิมไม่ได้มีความหมายแบบนั้น
นวัฒนธรรมของเกียวโต หากเชิญแขกมาบ้าน เจ้าบ้านควรเตรียมอาหารอย่างเหมาะสม หากไม่ได้เตรียมไว้ การเสิร์ฟ ぶぶ漬け (bubuzuke) หรือข้าวราดน้ำชา เป็นวิธีแสดงออกอย่างสุภาพว่า “ขอโทษที่ไม่ได้เตรียมการต้อนรับอย่างดีไว้” แขกที่เข้าใจความรู้สึกของเจ้าบ้านก็จะตอบว่า “ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน” แล้วขอตัวกลับ การแลกเปลี่ยนกันอย่างละมุนละม่อมนี้สะท้อนถึงวัฒนธรรมแห่งความเกรงใจของชาวเกียวโต
คำว่า “よろしい (yoroshii)” อาจแปลว่า “แล้วแต่” ก็ได้!?
คำในเกียวโคโตบะ บางคำต้องเข้าใจ “นัย” มากกว่าแค่ความหมายตามตัวอย่างเดียว เช่น คำว่า "よろしい (yoroshii)" ที่ปกติแปลว่า “ดี” หรือ “เรียบร้อย” แต่ในเกียวโคโตบะอาจมีความหมายว่า "どうでもよろしい (dō demo yoroshii)" หรือ "จะยังไงก็ช่าง" แฝงนัยของความไม่ใส่ใจ หรือพูดตัดบทอย่างสุภาพ
ในทำนองเดียวกัน คำว่า "おおきに (okini)" ที่ปกติแปลว่า “ขอบคุณ” ก็สามารถใช้เพื่อปฏิเสธอย่างสุภาพได้ เช่น “ขอบคุณที่เชิญนะคะ แต่ขอผ่านละกัน”
สำนวนอ้อมๆ อื่นๆ ที่ควรระวัง
ลองดูบทสนทนาเช่น “สุขภาพเป็นยังไงบ้าง?” / “ぼちぼちですわ(bochibochi desuwa)” คำว่า “bochibochi desuwa” แปลว่า “ก็เรื่อย ๆ ล่ะค่ะ” แต่จริง ๆ แล้วสื่อถึงความไม่อยากตอบตรง ๆ หรือความรู้สึกไม่อยากเล่ารายละเอียด
หรือเมื่อมีคนพูดว่า “面白い人どすな(omoshiroi hito dosu na)” ที่ฟังดูเหมือนจะชมว่า “เป็นคนที่น่าสนใจจังเลยนะ” แต่จริง ๆ แล้วอาจมีนัยว่า “คุณนี่แปลก ๆ นะ” และ “好きにしゃはったらよろしいやん(suki ni shahattara yoroshii yan)” ที่ดูเหมือนจะพูดว่า “ทำตามใจเถอะ” แต่ความหมายจริง ๆ คือ “เรื่องของคุณ ฉันไม่เกี่ยว อย่ามาลากฉันไปด้วย”
“一見さんお断り (Ichigensan okotowari)” หมายความว่าอย่างไรกันแน่? – น้ำใจแห่งเกียวโตและภาษาที่มีชั้นเชิง
วลี "Ichigensan okotowari(一見さんおことわり)" แปลว่า "ขอปฏิเสธลูกค้าที่ไม่เคยมา หรือไม่รู้จักกันมาก่อน" โดยจะให้บริการเฉพาะลูกค้าประจำ หรือผู้ที่มีคนรู้จักแนะนำมาเท่านั้น ในตอนแรกอาจดูเหมือนว่าเป็นวัฒนธรรมที่ 排他的 (exclusive) หรือ ไม่ต้อนรับ (unwelcoming) ซึ่งหลายคนก็อาจตีความเช่นนั้น แต่อันที่จริง ความหมายที่แท้จริงสะท้อนถึงแนวคิดของร้านที่ว่า หากไม่ทราบล่วงหน้าว่าแขกชอบหรือไม่ชอบอะไร ก็จะไม่สามารถมอบ omotenashi (おもてなし / การต้อนรับแบบญี่ปุ่นที่จริงใจ) ได้อย่างแท้จริง ในบางกรณี คนที่แนะนำแขกอาจต้องตอบล่วงหน้าว่าแขกคนนั้นชอบอาหารแบบไหน สนใจสิ่งใด หรือมีรสนิยมแบบใด จากนั้นจึงจะมีการเลือกสรรอาหาร ภาชนะ ภาพแขวน หรือแม้แต่การตกแต่งภายในให้เหมาะกับแขกแต่ละคนอย่างพิถีพิถัน
เบื้องหลังคำว่า "一見さんおことわり(ichigensan okotowari)" จึงแฝงไปด้วยความปรารถนาอย่างจริงใจว่า ถึงแม้แขกจะเป็นผู้มาเยือนครั้งแรก เจ้าของร้านก็ยังอยากมอบการต้อนรับที่ดีที่สุด และสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายให้ได้
[ส่วนโบนัส] แนะนำ 5 ผลงานละคร ภาพยนตร์ และอนิเมะที่มี "เกียวโคโตบะ"

นี่คือ 5 ผลงานที่คุณสามารถสัมผัสภาษาถิ่นเกียวโตผ่านเรื่องราวและตัวละครได้:
"แม่ครัวแห่งบ้านไมโกะ"
ช่วงเวลาตีพิมพ์มังงะ: 28 ธันวาคม 2016 –
เรื่องราวของ “Kiyo” เด็กสาวที่ทำหน้าที่ปรุงอาหารในบ้านของไมโกะ (okiya – おきや) ในเกียวโต ถ่ายทอดชีวิตประจำวันของไมโกะที่อาศัยร่วมกันในฮานะมาจิ (hanamachi – 花街 / ย่านเกอิชา) มีทั้งเวอร์ชันอนิเมะทางช่อง NHK E-TV และละครคนแสดงทาง Netflix
👉 【Yahoo! Shopping】ซื้อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ "แม่ครัวแห่งบ้านไมโกะ"
"เดไออิมอน สิ่งที่พบพาน"
ช่วงเวลาตีพิมพ์มังงะ: เมษายน 2016 –
“Nagomu Irino” กลับมาที่ร้านขนมญี่ปุ่นแบบเกียวโตของครอบครัวหลังจากจากบ้านไป 10 ปี เนื่องจากพ่อป่วยเข้าโรงพยาบาล แต่แทนที่จะได้รับสืบทอดกิจการ เขากลับถูกขอให้ดูแลเด็กหญิง “Itsuka Yukihira” ซึ่งเป็นผู้ที่จะสืบทอดร้าน เรื่องราวอบอุ่นหัวใจเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันละมุนของเกียวโต
👉 【Yahoo! Shopping】ซื้อมังงะ "เดไออิมอน สิ่งที่พบพาน"
"Onmyoji I & II"
วันฉาย: 6 ตุลาคม 2001 และ 4 ตุลาคม 2003
ดัดแปลงจากนิยาย “Onmyoji” ติดตามการผจญภัยลึกลับของ “Abe no Seimei” (อาเบะโนะ เซเมย์ – 安倍晴明) องเมียวจิผู้มีเวทมนตร์ในสมัยเฮอัน พร้อมกับนักรบ “Minamoto no Hiromasa” เผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นในเกียวโตยุคโบราณ
👉 【Yahoo! Shopping】ซื้อดีวีดี "Onmyoji I & II"
"Lady Maiko"
วันฉาย: 13 กันยายน 2014
ภาพยนตร์แนวมิวสิคัลในเกียวโตว่าด้วยเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่มุ่งมั่นจะเป็นไมโกะ ถ่ายทอดผ่านการร้องและการเต้นที่แสนสดใส พร้อมเรื่องราวอบอุ่นหัวใจ มีฉบับนิยายจากผู้กำกับ “Masayuki Suo” ด้วย
👉 【Yahoo! Shopping】Purchase "Lady Maiko" – สินค้าที่เกี่ยวข้อง
"Chokotto Kyoto ni Sundemita"
ออกอากาศ: ปี 2022
ละครที่ติดตามหญิงสาวคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักออกแบบในโตเกียว แต่กลับรู้สึกหมดไฟ จึงไปพักที่บ้านของลุงทวดใน "machiya(町家 / บ้านโบราณของเกียวโต)" ต่างจากเรื่องท่องเที่ยวทั่วไป ซีรีส์นี้นำเสนอเกียวโตที่คนท้องถิ่นเท่านั้นจะรู้จัก และเป็นการเดินทางที่แสนสงบเพื่อค้นหาตัวเอง
👉 【Yahoo! Shopping】ซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ "Chokotto Kyoto ni Sundemita"
แนะนำโดย: Reiko Tanahashi
หัวหน้ากลุ่มพลเมือง “Kyokotoba no Kai(京ことばの会)” ในเกียวโต เธออุทิศตนเพื่อสืบสานเครียวโคโตบะที่มีประวัติยาวนานกว่าพันปี จัดกิจกรรมพบปะเดือนละ 2 ครั้ง (อังคารที่ 2 และ 4) และจัดชั้นเรียนภาคสนามในโรงเรียนประถม มัธยม มหาวิทยาลัย ศูนย์เด็ก และสถานสงเคราะห์ นอกจากนี้ยังเป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุ “Weekly Kyokotoba News(週刊京ことばニュース)” และปรากฏตัวใน YouTube รายการ “Manga de Kyokotoba(まんが de 京ことば)” เพื่อส่งเสน่ห์ของภาษาถิ่นเกียวโตให้แพร่หลาย
Comments