ภาษาคันไซเป็นหนึ่งในภาษาถิ่นที่คุ้นเคยมากที่สุดในญี่ปุ่น ภาษาที่พูดในพื้นที่คันไซ เช่น โอซาก้า เกียวโต และโกเบ มีจังหวะเสียงและสำนวนเฉพาะตัวที่ไม่พบในภาษาญี่ปุ่นมาตรฐาน และหลายคนรู้สึกว่า “น่ารัก!”
ในบทความนี้ เราจะแนะนำภาษาคันไซในรูปแบบรายการ แบ่งเป็นระดับเริ่มต้น ระดับกลาง และระดับสูง พร้อมผลสำรวจจากชาวคันไซ 15 คน เราจะอธิบายความหมาย วิธีใช้ คำศัพท์เกี่ยวกับอาหาร และแม้แต่ตัวละครอนิเมะที่พูดภาษาคันไซ พร้อมตัวอย่างประโยค นี่คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ของภาษาคันไซที่เป็นประโยชน์สำหรับการท่องเที่ยวและการเรียนภาษาญี่ปุ่น
*หากคุณซื้อหรือจองสินค้าที่แนะนำในบทความนี้ ส่วนหนึ่งของยอดขายอาจคืนกลับไปยัง FUN! JAPAN
ภาษาคันไซเป็นภาษาถิ่นแบบไหน? ใช้กันในแถบไหน?
ภาษาคันไซเป็นคำเรียกรวม ๆ ของภาษาถิ่นที่ใช้ในพื้นที่คันไซเป็นหลัก มีภาพลักษณ์ติดตาว่าใช้กันมากเป้นพิเศษในโอซาก้า เกียวโต โกเบ นารา ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณถามคนคันไซพื้นเมืองว่า "ภาษาคันไซเป็นภาษาถิ่นแบบไหน" บางคนก็อาจจะตอบอย่างโมโหว่า "จริง ๆ แล้วมันบ่เหมือนกันเล้ย แล้วแต่จังหวัดหรือพื้นที่ อย่าเอาไปรวมกันเป็นภาษาคันไซสิได้บ่!"
อันที่จริงไม่มีภาษาถิ่นที่ใช้ร่วมกันหลายจังหวัดที่เรียกว่า "ภาษาคันไซ" เลยค่ะ แถมภาษาถิ่นนั้นก็แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น ภาษาโอซาก้า ภาษาเกียวโต ภาษานารา (หรือภาษายามาโตะ) และภาษาโกเบ และคำและวลีที่มช้ไปจนถึงวิธีการออกเสียงนั้นก็ยังแตกต่างกันด้วย
จะว่าไป ภาษาถิ่นที่พูดโดยชาวจังหวัดชิงะและวาคายามะยังถูกจัดประเภทเป็นภาษาคันไซด้วย แต่ทั้งสองภาษานี้กลับได้รับการยอมรับว่าเป็นภาษาถิ่นที่แตกต่างจากโอซาก้าและเกียวโตโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ ภาษาถิ่นของจังหวัดเกียวโต นารา วาคายามะ ชิงะ และมิเอะ ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดกิฟุและไอจิในภูมิภาคโทไก ก็ถูกจัดเป็นภาษาถิ่นของคันไซ แต่ก็มีภาษาโทไคเช่น ภาษานาโกย่าผสมอยู่ด้วย
มาดูตัวอย่างเฉพาะของภาษาโอซาก้า ภาษาเกียวโต และภาษาโกเบในลักษณะที่เข้าใจง่ายกันดีกว่า ในกรณีที่จะพูดว่า “ทำอะไรอยู่” วิธีพูดของแต่ละพื้นที่ก็มีดังนี้ค่ะ
- ภาษากลาง: 何をしているんですか? (nani wo shite irun desu ka?)
- โอซาก้า: なにしてん? (nani shiten?)
- เกียวโต: なにしてはる? (nani shite haru?)
- โกเบ: なにしとぉ?(nani shitoo?)
ในสามพื้นที่ ทั้งคำและวลีที่ใช้ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยใช่ไหมคะ?
อนึ่ง ถ้าคุณลองไปถามผู้คนจากแถบคันไซเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสามพื้นที่ข้างต้น คุณจะได้ความรู้สึกว่า โอซาก้า = สดใสมีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉง เกียวโต = สง่างามแบบชาววัง และ โกเบ = ทันสมัยแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามา และแต่ละแห่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของจังหวัดและความชอบด้านแฟชั่นของตัวเอง เมื่อคุณมาเที่ยวคันไซครั้งต่อไป ลองสังเกตลักษณะเฉพาะของจังหวัด เสื้อผ้า และความแตกต่างของภาษาของแต่ละจังหวัดดูก็น่าสนุกนะคะ
รายการบทสนทนาภาษาคันไซในชีวิตประจำวัน: 100 คำศัพท์ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ระดับสูง และคำเกี่ยวกับอาหาร
ภาษาคันไซเต็มไปด้วยวลีที่คุ้นเคย เช่น “なんでやねん!(nande yanen!)” และ “ほんま?(honma?)”
ที่นี่ เราขอแนะนำ 100 คำศัพท์ภาษาคันไซที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน แบ่งเป็นระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ระดับสูง และคำเกี่ยวกับอาหารในภาษาคันไซ รูปแบบตารางพร้อมตัวอย่างประโยคนี้จะเป็นประโยชน์ทันทีสำหรับการเดินทาง เรียนต่อต่างประเทศ หรือพูดคุยกับเพื่อนจากคันไซ
รายการนี้ถูกคัดเลือกโดยบรรณาธิการจากโตเกียวที่อาศัยอยู่ในโตเกียวในปัจจุบัน ดังนั้น ระดับความยากจึงอ้างอิงจากมุมมองของคันโต (โตเกียว) เช่น “เคยได้ยินที่โตเกียว” “รู้ความหมายแต่ไม่ใช้” หรือ “ไม่เคยได้ยินเลย”
- ระดับเริ่มต้น: คำที่เคยได้ยินและรู้ความหมาย หรือใช้ในโตเกียวด้วย
- ระดับกลาง: คำที่เคยได้ยินแต่ไม่มั่นใจในความหมาย หรือรู้แต่ไม่ใช้ในโตเกียว
- ระดับสูง: คำที่ไม่เคยได้ยิน หรือมีความหมายต่างจากภาษาญี่ปุ่นมาตรฐานในโตเกียว
ก่อนอื่น ลองเช็กดูว่าคุณเข้าใจได้กี่ระดับ!
【ระดับเริ่มต้น】30 วลีภาษาคันไซที่ใช้บ่อย
| ภาษาคันไซ | คำอ่านแบบ Romanization | ความหมาย |
| めっちゃ | meccha | มาก, สุดๆ |
| おおきに | ookini | ขอบคุณ |
| なんでやねん | nande yanen | แปลว่า “พูดอะไรของเธอ?” (อารมณ์แบบ "อิหยังวะ") มักใช้ตอบโต้ในบทสนทนา |
| まいど | maido | สวัสดี, ยินดีต้อนรับ |
| なんぼ | nanbo | เท่าไหร่, กี่อัน |
| せや | seya | ใช่ |
| ちゃう | chau | ต่าง, ผิด, ไม่ใช่ |
| あかん | akan | ไม่ได้, ไม่อนุญาต, ไม่โอเค |
| しもた | shimota | โอ๊ะ, ทำพลาดไปแล้ว |
| ええ | ee | แปลว่า “ดี” ใช้ในวลีเช่น “めっちゃええやん(meccha ee yan/ดีมาก)” |
| ほんま | honma | จริง, จริงเหรอ |
| おもろい | omoroi | ตลก, น่าสนใจ |
| まける | makeru | ลดราคาให้ |
| むずい | muzui | ยาก |
| はよ | hayo | รีบหน่อย, เร็วๆ |
| おとん | oton | พ่อ |
| おかん | okan | แม่ |
| かまへん | kamahen | ไม่เป็นไร, ไม่ต้องห่วง |
| さいなら | sainara | ลาก่อน |
| しばく | shibaku | ตี, ทำร้าย |
| しょうもない | shomonai | ไร้สาระ, เรื่องเล็กน้อย |
| 知らんけど | shiran kedo | แปลว่า “ก็ไม่รู้หรอกนะ” มักใช้ปิดท้ายบทสนทนา |
| そら | sora | มักใช้ในความหมายว่า “นั่นน่ะ” |
| どない | donai | เป็นยังไง? แบบไหน? |
| べっぴん | beppin | สาวสวย |
| いちゃもん | ichamon | บ่น, หาเรื่อง |
| ぼちぼち | bochi bochi | ค่อยๆ ทีละนิด เมื่อถูกถามว่าเป็นอย่างไร มักตอบว่า “ぼちぼちでんな” (bochi bochi denna) |
| すっからかん | sukkarakan | ว่างเปล่า, หมดตัว |
| 辛気臭い | shinki kusai | น่ารำคาญ, บรรยากาศหม่นหมอง |
| がめつい | gametsui | โลภ |
【ระดับกลาง】30 วลีภาษาคันไซที่ใช้บ่อย
| ภาษาคันไซ | คำอ่านแบบ Romanization | ความหมาย |
| ぎょうさん | gyosan | เยอะ, มากมาย |
| かんにん | kannin | ขอโทษ |
| ごっつい | gottsui | มาก, สุดๆ |
| かます | kamasu | ทำ, พูด |
| きばる | kibaru | พยายามเต็มที่ |
| ええかっこしい | ee kakkoshii | คนที่ชอบทำเป็นเท่ห์ ชอบเก๊กหล่อ |
| パチもん | pachi mon | ของปลอม, ของเลียนแบบ |
| 正味 | shomi | พูดตรงๆ, จริงๆ แล้ว |
| いけず | ikezu | คนใจร้าย |
| ちゃっちゃと | chacchato | อย่างรวดเร็ว, ทันที |
| けったい | kettai | แปลก, พิลึก |
| 邪魔くさい | jama kusai | ยุ่งยาก, น่ารำคาญ |
| シュッとしてる | shutto shiteru | ดูดี, มีสไตล์ |
| ちょける | chokeru | เล่นตลก, แกล้ง |
| いてまう | itemau | ทำร้าย, มีปัญหา |
| こそばい | kosobai | จั๊กจี้ |
| ぐねる | guneru | ข้อเท้าพลิก |
| 一丁噛み | icchokami | คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น |
| おぼこい | obokoi | ไร้เดียงสา, ซื่อ |
| どんつき | dontsuki | สุดถนน |
| いらち | irachi | คนใจร้อน, หงุดหงิดง่าย |
| ほかす | hokasu | ทิ้ง |
| あんじょう | anjo | อย่างชำนาญ, เป็นไปด้วยดี |
| こすい | kosui | เจ้าเล่ห์, ขี้โกง |
| 難儀 | nangi | ความลำบาก, ปัญหา |
| ぬくい | nukui | อบอุ่น |
| めばちこ | mebachiko | ตากุ้งยิง |
| なんしか | nanshika | ยังไงก็เถอะ, อย่างน้อย |
| しらこい | shirakoi | แกล้งทำเป็นไม่รู้ |
| あほ | aho | แปลว่า “ต๊อง” แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นคำด่า (จะอธิบายภายหลัง) |
【ระดับสูง】20 วลีภาษาคันไซ
| ภาษาคันไซ | คำอ่านแบบ Romanization | ความหมาย |
| モータープール | motor pool | ลานจอดรถ |
| ふてこい | futekoi | กวน, ทะลึ่ง |
| さらぴん | sarapin | ใหม่เอี่ยม |
| いちびる | ichibiru | เล่นตลก, แกล้ง |
| はみご | hamigo | คนนอก, ถูกเพื่อนเมิน |
| おっちん | occhin | นั่งให้เรียบร้อย, นั่งท่าคุกเข่า (เซสะ) |
| コマ | koma | ล้อเสริมจักรยาน |
| すかたん | sukatann | คนโง่, คนเซ่อ |
| しゅむ | shumu | รสชาติซึมเข้าเนื้อ, อาหารปรุงรสเข้าเนื้อดี |
| もむない | momunai | ไม่อร่อย |
| せいだい | seidai | มากที่สุด, เท่าที่จะทำได้ |
| だぼ | dabo | คนโง่, คนเซ่อ |
| 日にち薬 | hinichi gusuri | หายดีขึ้นตามเวลาและการพักผ่อน |
| べべ | bebe | ที่โหล่, อันดับสุดท้าย |
| ぼんち | bonchi | เด็กผู้ชาย, คุณชาย |
| えらい | erai | เหนื่อย, หมดแรง (ในภาษาญี่ปุ่นมาตรฐาน “erai” แปลว่า “ยอดเยี่ยม”) |
| なおす | naosu | เก็บของเข้าที่, จัดให้เรียบร้อย (ในภาษาญี่ปุ่นมาตรฐาน “naosu” แปลว่า “ซ่อม”) |
| さらう | sarau | กินอาหารในจานจนหมด (ในภาษาญี่ปุ่นมาตรฐาน “sarau” แปลว่า “พาไป”) |
| つぶれる | tsubureru | พัง, ทำให้เสีย (ในภาษาญี่ปุ่นมาตรฐาน “tsubureru” แปลว่า “ถูกบดขยี้”) |
| よばれる | yobareru | ได้รับเชิญให้กินข้าว, ได้รับ (ในภาษาญี่ปุ่นมาตรฐาน “yobareru” แปลว่า “ถูกเรียก”) |
【แถมพิเศษ】20 คำศัพท์อาหารภาษาคันไซ
| ภาษาคันไซ | คำอ่านแบบ Romanization | ความหมาย |
| 粉もん | konamon | อาหารที่ทำจากแป้ง คำเรียกรวมของอาหารอย่างทาโกะยากิและโอโคโนมิยากิ |
| かしわ | kashiwa | เนื้อไก่ |
| 回転焼き | kaiten yaki | โอบังยากิ *ขนมญี่ปุ่นที่ทำโดยอบถั่วแดงกวนระหว่างแป้งสาลี |
| こぶ・おこぶ | kobu / okobu | คอมบุ (สาหร่ายทะเล) |
| にぬき | ninuki | ไข่ต้ม |
| かやくご飯 | kayaku gohan | ทาคิโคมิ โกฮัง (ข้าวหุงปรุงรสกับเครื่องต่างๆ) |
| 他人丼 | tanin don | ข้าวหน้าเนื้อวัวหรือหมูผัดกับหัวหอมและไข่ (ข้าวหน้าคนแปลกหน้า) เป็นคู่ตรงข้ามกับ “oyakodon” (ข้าวหน้าไก่กับไข่ = ข้าวหน้าแม่ลูก) |
| カンカン | kankan | ขนมหรือเครื่องดื่มที่บรรจุกระป๋อง |
| 炊いたん | taitan | อาหารตุ๋น |
| おばんざい | obanzai | อาหารบ้านๆ สไตล์เกียวโต หมายถึงกับข้าวประจำวัน |
| アテ | ate | กับแกล้มที่กินกับเหล้า |
| 突き出し | tsukidashi | อาหารจานแรกที่เสิร์ฟในอิซากายะ (otoshi) |
| マクド | makudo | McDonald’s (ในคันโตเรียกว่า “Makku”) |
| レイコー | reiko | กาแฟเย็น |
| ハイカラうどん | haikara udon | อุด้งโรยเทมปุระกรอบ (เทนคาสึ) |
| メリケン粉 | merikenko | แป้งสาลี |
| ミンチ | minchi | เนื้อบด |
| おこうこ | okouko | ผักดอง โดยเฉพาะทาคุอัน (หัวไชเท้าดอง) |
| きずし | kizushi | ชิเมะซาบะ (ปลาซาบะดองน้ำส้มสายชู) |
| 関東炊き・関東煮 | kantotaki / kantoni | โอเด้ง (หม้อไฟญี่ปุ่น) |
【แถมพิเศษ】สรรพนามบุรุษที่ 1 และ 2 ในภาษาคันไซ
| ประเภท | ภาษาคันไซ | คำอ่านแบบ Romanization | ความหมาย / การใช้ |
| บุรุษที่ 1 | うち | uchi | “ฉัน” ใช้โดยผู้หญิงเป็นหลัก คล้ายๆ "อิชั้น" หรือ "ข้าเจ้า" เป็นวิธีเรียกตัวเองที่นุ่มนวลและเป็นมิตร |
| บุรุษที่ 1 | わし | washi | “ฉัน” ใช้โดยผู้ชายเป็นหลัก คล้ายๆ "ข้า" พบบ่อยในผู้ชายสูงวัย |
| บุรุษที่ 1 | わて | wate | “ฉัน” ใช้โดยผู้ชาย คล้ายๆ "ตัวข้า" ค่อนข้างโบราณ พบในโอซาก้าและเกียวโต |
| บุรุษที่ 2 | あんた | anta | เทียบเท่า “คุณ” คล้ายๆ "สูเจ้า" ใช้กับเพื่อนสนิท แต่บางครั้งอาจฟังดูแข็ง |
| บุรุษที่ 2 | 自分 | jibun | การใช้เฉพาะในคันไซเพื่อเรียกอีกฝ่าย คล้ายๆ "ตัวท่าน" หมายเหตุ: ในภาษาญี่ปุ่นมาตรฐาน “jibun” หมายถึง “ตัว(เรา)เอง” |
| บุรุษที่ 2 | きみら | kimira | แปลว่า “พวกคุณ” รูปพหูพจน์ |
【พร้อมตัวอย่างประโยค】รวมบทสนทนาภาษาคันไซในชีวิตประจำวัน
ต่อไปนี้ เราจะมาแนะนำวลีคลาสสิกที่คุณสามารถใช้จริงในการสนทนาเมื่อมาเที่ยวคันไซที่ญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นวลีสั้น ๆ ทั้งนั้น อย่าลืมฝึกพูดและลองใช้ดูนะ!
① ตอนกินทาโกะยากิ
| Speaker | 関西弁 | คำอ่านแบบ Romanization | ความหมาย |
| Person A | あんた、たこ焼きよばれ~。 | Anta, takoyaki yobare | เชิญทานทาโกะยากินี้เลยครับ/ค่ะ |
| Person B | おおきに。わあ、めっちゃうまいわ! | Okini, waa, meccha umai wa! | ขอบคุณ! ว้าว อร่อยมากเลย! |
② ตอนช้อปปิ้งที่ตลาด
| Speaker | 関西弁 | คำอ่านแบบ Romanization | ความหมาย |
| Customer | これ、なんぼ? | kore, nanbo? | อันนี้ราคาเท่าไหร่ครับ/คะ? |
| Shop staff | 1万円やで。 | Ichi man en yade. | 10,000 เยนครับ/ค่ะ |
| Customer | ほんま? えらい高いな。 まけてや。 |
Honma? Erai takai na. Makete ya. |
จริงเหรอ? แพงจังเลย ลดราคาให้หน่อยได้ไหม? |
| Shop staff | かんにんしてや。 パチもんちゃうで。 |
Kannin shite ya. Pachi mon chau de. |
ขอโทษนะ (ลดไม่ได้) นี่ของแท้ ไม่ใช่ของปลอม! |
| Customer | そしたらむずいわ。 さいなら。 |
Soshitara, muzui wa. Sainara. |
งั้นคงยากล่ะ ลาก่อนครับ/ค่ะ |
“Ese Kansai-ben” คืออะไร? วิธีแยกแยะของจริงกับของปลอมจากชาวคันไซ 15 คน
ในโซเชียลมีเดียญี่ปุ่น บางครั้งจะเห็นความคิดเห็นว่า “รู้สึกแปลก ๆ เวลาคนที่ไม่ใช่ชาวคันไซใช้คันไซเบง” ในญี่ปุ่น เวลาคนที่ไม่ใช่ชาวคันไซใช้สำเนียงคันไซ มักจะถูกเรียกว่า “Ese Kansai-ben” (สำเนียงคันไซปลอม)
ดังนั้นครั้งนี้ เราได้ทำแบบสอบถามกับชาวคันไซ 15 คน ว่ารู้สึกอย่างไรกับ “Ese Kansai-ben” ผลปรากฏว่าคำตอบที่มากที่สุดคือ “ไม่ค่อยชอบ” แต่ประมาณ 40% ตอบว่า “ไม่ค่อยสนใจ” กล่าวคือ บางคนก็รู้สึกไม่ชอบ แต่บางคนก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
วิธีสังเกตง่ายที่สุด: เสียงวรรณยุกต์
สิ่งที่ชาวคันไซสังเกตได้ง่ายที่สุดคือ ความแตกต่างของเสียงวรรณยุกต์ ในสำเนียงคันไซ มักจะเน้นเสียงหนัก (ขึ้นเสียงโท) ตรงกลางคำ ซึ่งเป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่ง
เพราะฉะนั้น ถ้าพูดด้วยเสียงราบแบบภาษาญี่ปุ่นมาตรฐาน คนท้องถิ่นจะจับได้ง่ายว่าเป็น “Ese Kansai-ben”
- “ฟังจากวิธีที่พูดว่า ‘Univa’ หรือ ‘Tanaka-san’ ก็รู้แล้ว” (ชายอายุ 20 กว่าจากจังหวัดชิงะ)
ตัวอย่างเช่น ในคันไซ คนจะเน้นเสียงหนัก (ขึ้นเสียงโท) ตรงกลางคำในคำว่า “Univa (USJ)” หรือ “Tanaka-san” ในขณะที่ในคันโตจะออกเสียงเรียบ (เสียงกลาง) ไปจนจบคำ ทำให้เจ้าของภาษาแยกออกได้ทันที
ระวังอย่าใช้ “~やねん(yanen)” หรือ “~さかい(sakai)” มากเกินไป
อีกหนึ่งความเห็นที่พบบ่อยคือเรื่องการใช้คำลงท้าย โดยเฉพาะถ้าใช้คำลงท้ายแบบคันไซเบงอย่าง “~やねん(yanen)” หรือ “~さかい(sakai)” มากเกินไป จะฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ
- “รู้สึกขัดใจเวลาคนใช้ ‘~やねん, ~ねん, ~さかい’ เยอะเกินไป” (หญิงอายุ 40 กว่าจากโกเบ)
วลีเหล่านี้ฟังดูเป็นคันไซเบงก็จริง แต่ในการสนทนาจริงจะใช้ตามสถานการณ์อย่างเป็นธรรมชาติ ถ้าลงท้ายทุกประโยคด้วย “~やねん” คนคันไซแท้ ๆ อาจรู้สึกว่าฝืนหรือไม่เป็นธรรมชาติ
ทำไมสำเนียงคันไซถึงถูกมองว่า “น่ารัก”? เหตุผลที่ดึงดูดเพศตรงข้าม
ในประเทศญี่ปุ่น คุณมักจะได้ยินคนพูดว่า “สำเนียงคันไซน่ารัก” โดยเฉพาะเมื่อได้ยินผู้หญิงจากคันไซพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและจังหวะการพูดที่เป็นเอกลักษณ์ แม้แต่ฉันที่มาจากโตเกียวก็อดคิดไม่ได้ว่า “น่ารักจัง!”
แต่คนคันไซเองรู้สึกอย่างไรกับสำเนียงของตัวเอง? เช่นเคย เราได้สอบถามชาวคันไซ 15 คนว่า “คุณคิดว่าน่ารักไหมถ้าคนที่คุณสนใจในเชิงรักไคร่พูดสำเนียงคันไซ?” น่าแปลกใจที่ส่วนใหญ่ตอบว่า “ไม่” โดยเฉพาะผู้ชายทุกคนที่ตอบว่า “ผมไม่คิดว่าผู้หญิงพูดสำเนียงคันไซแล้วน่ารัก”
สำเนียงคันไซน่ารักไหม? ความเห็นตรงไปตรงมาจากชาวคันไซ
- “ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย และไม่เคยคิดว่าน่ารัก” (ชาย อายุ 40 ปี จากโอซาก้า)
- “ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็กจนเป็นเรื่องปกติ เลยไม่คิดว่าน่ารัก” (ชาย อายุ 40 ปี จากนารา)
- “ตอนอยู่คันไซ ผมไม่คิดว่าสำเนียงคันไซน่ารักเป็นพิเศษ ตรงกันข้าม ผมคิดว่าคนที่พูดสำเนียงฮากาตะน่ารักกว่า” (ชาย อายุ 40 ปี จากเฮียวโกะ)
- “ผมคิดว่าสำเนียงไหนก็ ‘น่ารัก’ ได้ขึ้นอยู่กับหน้าตาหรือบรรยากาศของคนนั้น แต่คิดว่าผู้ชายจากต่างถิ่นจะรู้สึกแบบนี้มากกว่า” (หญิง อายุ 20 ปี จากโอซาก้า)
- “เวลาฟังเด็กพูดสำเนียงนี้ ฉันรู้สึกว่าน่ารัก” (หญิง อายุ 50 ปี จากโอซาก้า)
เพราะเป็นภาษาที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เกิด ดูเหมือนจะมีโอกาสน้อยที่จะรู้สึกว่า “น่ารัก” ในทางกลับกัน ผู้หญิงมักจะรู้สึกผูกพันกับสำเนียงคันไซมากกว่า บางคนบอกว่า “ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ” หรือ “เวลาที่เด็กพูดแล้วน่ารัก”
“สำเนียงคันไซน่ารัก” ในมุมมองของคนต่างถิ่น
ที่น่าสนใจคือ คนที่ไม่ใช่ชาวคันไซมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน นี่คือสิ่งที่ชายจากโตเกียวกล่าวไว้:
“จากประสบการณ์ของผม ผมคิดว่าคนจากเกียวโตน่ารัก ผมเข้ากันได้ดีกับคนจากเฮียวโกะ ส่วนคนโอซาก้าดูจะมีสำเนียงที่เข้มข้นกว่า” (ชาย อายุ 50 ปี จากโตเกียว)
จะเห็นได้ว่าความรู้สึกต่อสำเนียงคันไซแตกต่างกันไปตามพื้นที่และแต่ละบุคคล ความแตกต่างของน้ำเสียงทำให้ดู “ร่าเริงสดใส” หรือ “เป็นมิตร” และลักษณะเฉพาะของแต่ละภูมิภาคก็อาจทำให้เกิดความรู้สึก “น่ารัก” ได้เช่นกัน
“アホ(aho)” ในสำเนียงคันไซหมายถึงอะไร? แตกต่างจาก “バカ (fool)” อย่างไร?
มีหลักฐานยืนยันว่า คำว่า "アホ" (Aho อะโฮ่ แปลว่า โง่ บื้อ บ้องตื้น) เป็นที่ยกย่องในคันไซ
โดยทั่วไป คำว่า "Aho" เป็นที่รู้จักกันในภาษาญี่ปุ่นว่ามีความหมายเชิงลบ มักจะใช้สำหรับการนินทาและด่ากัน อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวคันไซ โดยเฉพาะชาวโอซาก้า มักใช้คำว่า "Aho" เป็นคำชม
ตัวอย่างเช่น "あんた、ほんまアホやな~" (Anta, honma aho ya na~ เอ็งนี้บื้อจริง ๆ) เป็นคำที่แสดงความคุ้นเคยกับบุคคลที่พูดคุยด้วย เวลาจะตอบกลับเมื่อได้ยินคำนี้ในแบบคันไซก็คือ "アホちゃいまんねん、パーでんねん" (Aho chaimannen, paadennen อารมณ์ว่า กูไม่ได้บื้อ กูแค่ซื่อ)
ดังนั้น ถ้าคุณถูกคนคันไซเรียกคุณว่า "อะโฮ่" อย่าเพิ่งโกรธ คิดเสียว่าคุณได้เป็นเพื่อนกับคนคันไซคนนั้นแล้วดีกว่า
นอกจากนี้ยังสามารถพูดว่า "あんたアホやな" (Anta aho ya na) กับคนคันไซที่สนิทกันได้ แต่ระวังอย่าเผลอใช้คำว่า "バカ" (baka) เข้าล่ะ จะโดนโกรธเอาได้
[พร้อมวิดีโอ] ลักษณะเด่นของน้ำเสียงในสำเนียงคันไซ
จุดเด่นที่สุดของสำเนียงคันไซคือ “การขึ้นเสียงสูง” ของแต่ละคำ แม้จะเป็นคำเดียวกัน แต่ “ความเป็นคันไซ” จะออกมาขึ้นอยู่กับว่าพยางค์ไหนถูกเน้นเสียงสูง
เช่น บางครั้งพยางค์แรกจะถูกเน้นเสียงสูง หรือบางครั้งจะเน้นที่พยางค์กลาง ในทางตรงข้าม คนในภูมิภาคคันโตจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและมีจังหวะน้อยกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เมื่อคนที่ไม่คุ้นเคยกับสำเนียงคันไซพยายามพูด จะสังเกตได้ง่ายว่า “น้ำเสียงไม่ถูกต้อง”
ในความเป็นจริง การฟังจะเข้าใจการออกเสียงได้ง่ายกว่าการอ่าน ในวิดีโอ FUN! JAPAN ด้านล่างนี้ ผู้หญิงสองคนจากโอซาก้าจะสอนสำเนียงคันไซ อย่าลืมรับชมและสัมผัสความแตกต่างของน้ำเสียงด้วยตัวเอง
“Kotekote” สำเนียงโอซาก้า (สำเนียงคันไซ) คืออะไร? ลักษณะเฉพาะของชาวโอซาก้า
"Kotekote no Osaka ben" เป็นสำนวนที่คนญี่ปุ่นใช้กันบ่อย หมายถึงวิธีการพูดที่ดูเป็นโอซาก้าอย่างมาก กล่าวคือ หมายถึงสำเนียง การเลือกใช้คำ และจังหวะที่เหมือนกับคนโอซาก้าโดยแท้จริง ตัวอย่างเช่น คำพูดที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง "nande yanen! (พูดอิหยังวะ!?)," หรือวลีอย่าง "honma ni? (แม่นบ่?)" และ "meccha umai! (แซ่บหลาย!)," เมื่อพูดด้วยน้ำเสียงสดใสและร่าเริง จะให้ความรู้สึก "kotekote" อย่างชัดเจน
ทำไมถึงเกิด “Kotekote no Osaka ben”
โอซาก้าเป็นเมืองพ่อค้ามาแต่โบราณ ที่ซึ่งอารมณ์ขัน จังหวะ และความเป็นมิตรในการสนทนาได้รับการให้ความสำคัญมาโดยตลอด วัฒนธรรมนี้สะท้อนออกมาในภาษา และว่ากันว่าผู้คนที่นี่ได้พัฒนาสำเนียงที่แสดงอารมณ์และการโต้ตอบที่รวดเร็วโดยธรรมชาติ ดังนั้น เมื่อเทียบกับภาษาญี่ปุ่นมาตรฐานแล้ว การตอบสนองจะดูใหญ่โตและมักมีมุกตลกแทรกอยู่ในการสนทนา
สำเนียงโอซาก้า = สัญลักษณ์ของความเป็นมิตร
ในอีกด้านหนึ่ง สำนวน "kotekote no oosakaben" ก็มีนัยของการเป็นชื่อเล่นที่ขำขันด้วย ใช้เป็นคำที่สื่อถึงความร่าเริง เป็นมิตร และเข้ากับคนง่ายของชาวโอซาก้า หากคุณมาเที่ยวโอซาก้า อย่าลืมสัมผัสสำเนียง "kotekote" ที่อบอุ่นจากการพูดคุยกับพนักงานร้านค้าและคนท้องถิ่น ผ่านจังหวะของภาษา คุณจะสัมผัสได้ถึงความเป็นมิตรของชาวคันไซอย่างแน่นอน
ตัวละครอนิเมะยอดนิยมที่พูดสำเนียงคันไซ
เวลาชมอนิเมะญี่ปุ่น อาจสังเกตได้ยากในเวอร์ชั่นพากย์หรือซับไตเติลในต่างประเทศ แต่จริง ๆ แล้วมีตัวละครจำนวนมากที่พูดสำเนียงคันไซ สุดท้ายนี้ ในฐานะคนรักอนิเมะ ขอแนะนำตัวละครยอดนิยมที่พูดสำเนียงคันไซให้รู้จักกัน!
Heiji Hattori / Detective Conan
นักสืบมัธยมปลายจากโอซาก้าที่ปรากฏตัวในฐานะคู่แข่งของ Shinichi Kudo (ตัวตนที่แท้จริงของ Conan) สำเนียงคันไซที่ชัดเจนของเขาเป็นหนึ่งในเสน่ห์สำคัญของซีรีส์นี้
🎁ซื้อสินค้าของ "Heiji Hattori" (Animate)
Cerberus (Kero-chan) / Cardcaptor Sakura
สัตว์ผู้พิทักษ์ Cerberus หรือ Keroberos (ชื่อเล่น Kero-chan) ที่อยู่เคียงข้างนางเอก Sakura พูดด้วยสำเนียงคันไซที่เข้มข้น ตัดกับรูปลักษณ์ที่น่ารักของเขา เสียงสูง ๆ ที่พูดว่า "~やで!(แม่นแล้ว)" นั้นน่ารักมาก และเขาเป็นตัวละครที่แฟน ๆ รักมาอย่างยาวนาน
💛ดูสินค้า Cardcaptor Sakura (Animate)
Nurude Sasara & Tsutsujimori Rosho / Hypnosis Mic
สมาชิกของทีมแร็ป "Dotsuitare Honpo" จากอนิเมะเพลงแบทเทิล Hypnosis Mic ทั้งสองคนนี้มีชื่อเสียงในด้านการแร็ปด้วยสำเนียงคันไซที่เข้มข้น และการแสดงสไตล์โอซาก้าที่เต็มไปด้วยพลังของพวกเขาก็สามารถดึงดูดแฟนๆ ได้ด้วยความกระตือรือร้นและความร่าเริง
💿ดูสินค้า Hypnosis Mic (Animate)
Aida Hikochi / SLAM DUNK
นักเรียนในทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนมัธยมปลาย Ryonan ซึ่งเป็นโรงเรียนคู่แข่งของตัวเอก เขามีชื่อเสียงจากวลีเด็ดสำเนียงคันไซ "要チェックや!(Check it out!)"
ในอนิเมะ สำเนียงคันไซเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ช่วยกำหนดบุคลิกของตัวละครได้อย่างชัดเจน แม้แต่ในภาษาญี่ปุ่นเอง ความแตกต่างของน้ำเสียงและการแสดงออกก็สามารถบอกถึงบ้านเกิดหรือบุคลิกของแต่ละคนได้ ซึ่งนี่คือเสน่ห์ของสำเนียงคันไซ ครั้งหน้าที่คุณดูอนิเมะ อย่าลืมสังเกต "ตัวละครสำเนียงคันไซ" ด้วยนะ
ตอบแบบในโฆษณาที่คนในคันไซไม่มีใครไม่รู้กันเถอะ!
คุณรู้จักซาลาเปาหมูของ 551HORAI 蓬莱 ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะอาหารประจำเมืองของชาวโอซาก้าควบคู่ไปกับทาโกะยากิหรือเปล่า?
551HORAI 蓬莱 เป็นร้านอาหารจีนที่มีมาช้านานซึ่งเปิดดำเนินการในแถบนครโอซาก้า โฆษณาทางโทรทัศน์ของร้านนี้ก็โด่งดังจนไม่มีใครไม่รู้จักในแถบคันไซ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วลี "(551が)あるとき⤴" (551 ga aru toki ⤴ เมื่อมี 551 เสียงสูงตอนท้าย) ที่ปรากฏในโฆษณาราวกับการ์ตูนเล่มเล็ก หากคุณโดนใครพูดใส่ว่า "551があるとき⤴" แล้วกะจังหวะตอบดี ๆ ไปว่า "551がないとき ⤵" (551 ga nai toki⤵ เมื่อไม่มี 551 เสียงแผ่นตอนท้าย ) ก็เท่ากับได้กลายเป็นเพื่อนชาวคันไซไปเลยเชียวแหละค่ะ!
อย่างไรก็ตาม ซาลาเปาหมูนี้ขึ้นชื่อในเรื่องกลิ่นแรงที่กระจายไปทั่วรถเมื่อกินมีคนเปิดบนรถไฟชินคันเซ็นด้วยค่ะ
ดังนั้นหากซื้อมากิน ก็ต้องอดทนอย่าเผลอเปิดกินในที่สาธารณะและระบบคมนาคมสาธารณะ เก็บไว้ไปลองชิมในโรงแรมหรือห้องพักของคุณดีกว่าค่ะ
ร้านซาลาเปาหมู 551HORAI 蓬莱 มีร้านหลักอยู่ที่ย่าน Ebisu Bashi Shopping Arcade ในโอซาก้า นอกจากนี้ยังมีอีก 2 สาขาในสถานี JR Osaka ไปจนถึงสาขาภายในสถานีต่าง ๆ อย่างสาขาที่สถานี JR Kyoto เป็นต้น ดังนั้นอย่าลืมแวะเวลาไปซื้อของฝากกันนะคะ!

Comments