นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนญี่ปุ่นจำนวนมาก มักจะรู้สึกประหลาดใจและประทับใจกับวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่สะดวก สะอาด และปลอดภัย แต่ก็อาจมีบางครั้งที่รู้สึกสับสนกับวัฒนธรรมแบบ "เฉพาะของญี่ปุ่น" ที่แตกต่างจากต่างประเทศ บทความนี้จะนำเสนอประสบการณ์คัลเจอร์ช็อก (การช็อกทางวัฒนธรรม) ที่นักท่องเที่ยวได้พบเจอจริง พร้อมทั้งเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น
※หากคุณซื้อหรือจองสินค้าที่แนะนำในบทความนี้ อาจมีส่วนแบ่งรายได้บางส่วนคืนกลับมายัง FUN! JAPAN
🚅จองตั๋วชินคันเซ็นได้ที่ NAVITIME Travel! 👉คลิกที่นี่
😄เดินทางในญี่ปุ่นสะดวกยิ่งขึ้นด้วย NAVITIME eSIM! 👉คลิกที่นี่
1. “วัฒนธรรมเงินสด” ของญี่ปุ่นที่นิยมชำระด้วยเงินสด
แม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว แต่การชำระเงินด้วยเงินสดยังคงเป็นเรื่องปกติ นักท่องเที่ยวจากประเทศที่นิยมใช้บัตรเครดิตหรือจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟน อาจรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท ร้านอาหารที่เจ้าของดูแลเอง ร้านแผงลอย หรือร้านค้าขนาดเล็ก มักจะรับเฉพาะเงินสดเท่านั้น
แม้แต่ในเมืองใหญ่ เช่น โตเกียวหรือโอซาก้า ก็ยังมีร้านค้าที่ไม่รองรับการชำระเงินแบบไร้เงินสด อย่างไรก็ตาม ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า และร้านดิสเคานต์สโตร์ส่วนใหญ่สามารถชำระเงินแบบไร้เงินสดได้
นอกจากนี้ แม้จะมีตู้ ATM อยู่ทั่วไป แต่บางครั้งบัตรต่างประเทศอาจใช้ไม่ได้ จึงแนะนำให้เตรียมเงินสดไว้ล่วงหน้าที่ตู้ ATM ในสนามบินหรือธนาคาร
2. เวลาปิดร้านค่อนข้างเร็ว
ในต่างประเทศ ร้านค้าหลายแห่งมักเปิดถึงดึก แต่ในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวจำนวนมากมักประหลาดใจกับเวลาปิดร้านที่ค่อนข้างเร็ว ห้างสรรพสินค้ามักจะปิดเวลาประมาณ 20.00 - 21.00 น. ร้านอาหารส่วนใหญ่จะปิดเวลาประมาณ 22.00 - 23.00 น. สำหรับเมืองในต่างจังหวัด ร้านค้าบางแห่งอาจปิดตั้งแต่ช่วงหนึ่งทุ่มก็มี
ร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่ปัจจุบันมีบางร้านที่ลดเวลาทำการลงเนื่องจากขาดแคลนแรงงาน
ดังนั้น เวลาวางแผนท่องเที่ยวหรือช้อปปิ้ง ควรตรวจสอบเวลาเปิด-ปิดของร้านล่วงหน้า
3. เวลาเช็คอินโรงแรมค่อนข้างสาย (โดยทั่วไปเริ่มตั้งแต่ 15.00 น.)
โรงแรมในญี่ปุ่นโดยทั่วไปจะเช็คอินได้ในเวลา 15.00 - 16.00 น. และเช็คเอาท์ในเวลา 10.00 - 11.00 น.
ที่จริงแล้วคุณสามารถฝากสัมภาระไว้ที่โรงแรมก่อนเวลาเช็คอินได้ แต่ยังไม่สามารถเข้าห้องพักได้จนกว่าจะถึงเวลาเช็คอินจริง บางโรงแรมมีบริการเช็คอินก่อนเวลา (Early Check-in) แต่ส่วนใหญ่มักมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
หากต้องการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำให้ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่โรงแรมในวันเดินทางมาถึง แล้วออกไปเดินเล่นชมเมืองอย่างสบายตัว จากนั้นค่อยกลับมาเช็คอินเมื่อถึงเวลา
บทความที่เกี่ยวข้อง
- จากสนามบินถึงโรงแรม! รวมบริการส่งกระเป๋าเดินทาง ค่าบริการ เวลา สถานที่ และขั้นตอนต่าง ๆ
- วิธีจองล็อกเกอร์ฝากของที่สถานี Kyoto & ราคา พร้อมวิธีรับมือช่วงคนเยอะและจุดฝากของทางเลือก
- เปรียบเทียบล็อกเกอร์ฝากของ & บริการฝากสัมภาระที่ Tokyo และ Osaka: ราคา วิธีใช้ และช่วงเวลาให้บริการ! [อัปเดต 2025]
4. ตัวอย่างอาหารสมจริงมาก
“ตัวอย่างอาหาร” ที่ตั้งเรียงรายอยู่หน้าร้านอาหารในญี่ปุ่น ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะเป็นเครื่องมือที่สะดวกสำหรับผู้ที่สื่อสารภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ตัวอย่างอาหารมีลักษณะเป็นสามมิติ ดูเข้าใจง่ายกว่าภาพถ่ายในเมนู สามารถชี้สั่งอาหารได้โดยไม่ต้องใช้ภาษา จึงช่วยลดอุปสรรคด้านภาษาได้เป็นอย่างดี
ที่ Tokyo และ Osaka ยังมีประสบการณ์เวิร์กช็อปทำตัวอย่างอาหารให้ลองทำเองด้วย ซึ่งกลายเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวยอดนิยมอีกอย่างหนึ่ง
👉โอซาก้า|เวิร์กช็อปทำที่วางโน้ตตัวอย่างอาหารมัทฉะพาร์เฟ่ต์ [kkday]
👉โอซาก้า|เวิร์กช็อปทำตัวอย่างอาหารทาโกะยากิ เลือกได้ทั้งพวงกุญแจหรือแม่เหล็ก [kkday]
บทความที่เกี่ยวข้อง
5. ญี่ปุ่นไม่มีวัฒนธรรมการให้ทิป
วัฒนธรรมการให้ทิปที่เป็นเรื่องปกติในยุโรปและอเมริกา แต่ไม่มีในญี่ปุ่น เพราะค่าบริการต่างๆ ได้ถูกรวมอยู่ในราคาสินค้าหรือบริการแล้ว หากพยายามให้ทิป อาจถูกปฏิเสธหรือทำให้พนักงานรู้สึกอึดอัด ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร แท็กซี่ หรือโรงแรม ก็ไม่จำเป็นต้องให้ทิป บริการที่ดีถือเป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งของ “วัฒนธรรมโอะโมะเตะนะชิ” (การต้อนรับขับสู้อย่างดี) ของญี่ปุ่น
6. แปลกใจกับการพบถังขยะในเมืองได้น้อยแห่ง
เมื่อเดินอยู่ในเมืองญี่ปุ่น จะสังเกตได้ว่ามีถังขยะสาธารณะอยู่น้อยมากอย่างน่าประหลาดใจ ถึงอย่างนั้น เมืองก็ยังสะอาดมาก ในญี่ปุ่นมีถังขยะในเมืองน้อย นักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นจำนวนมากจึงมักสงสัยว่า “ควรทิ้งขยะที่ไหน?” เหตุผลก็เพราะคำนึงถึงความปลอดภัย และมารยาทที่ปลูกฝังให้เก็บขยะกลับบ้าน
นักท่องเที่ยวควรใส่ขยะไว้ในถุงพลาสติกเล็ก ๆ แล้วพกติดตัวไปทิ้งที่ร้านสะดวกซื้อหรือโรงแรม ถังขยะจะมีติดตั้งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในสถานีรถไฟ หรือข้างตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเป็นส่วนใหญ่
บทความที่เกี่ยวข้อง
7. ความหลากหลายและจำนวนที่มากมายของตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ
ในญี่ปุ่นมีตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติมากกว่า 3,930,000 เครื่อง สามารถพบได้แทบทุกที่
ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังมีตู้ที่ขายไอศกรีม ขนมหวาน ของใช้จิปาถะ แฮมเบอร์เกอร์ หรือราเม็งด้วย นักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นจึงมักประหลาดใจว่า “สะดวกเกินไป!”
ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในญี่ปุ่นสามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีความปลอดภัยสูงและเสียหายน้อย สะท้อนถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัยของสังคมญี่ปุ่น
บทความที่เกี่ยวข้อง
8. วัฒนธรรมการต่อแถวและความแออัด
ความอดทนของคนญี่ปุ่นในการต่อแถวเป็นภาพที่น่าประหลาดใจสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นร้านราเม็งชื่อดัง ร้านขนมปังชื่อดัง หรืออีเวนต์เปิดตัวสินค้าใหม่ การรอคิวนานหลายชั่วโมงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวอย่างโตเกียว เกียวโต ไปจนถึงโอซาก้า มักจะมีแถวยาวหน้าร้านอาหารหรือแหล่งท่องเที่ยว แต่คนญี่ปุ่นจะต่อแถวอย่างเงียบ ๆ เป็นระเบียบ และแทบไม่มีการแซงคิว วัฒนธรรมนี้สะท้อนถึง “ความเคารพในการรอคอย” และ “จิตสำนึกในการรักษากฎ” ของคนญี่ปุ่น
9. พบคนเมานอนอยู่ข้างถนน
ในย่านบันเทิงหรือบริเวณรอบสถานีรถไฟ มักจะเห็นพนักงานออฟฟิศในชุดสูทนอนอยู่ข้างถนนหรือบนม้านั่งที่สถานี
เนื่องจากญี่ปุ่นมีความปลอดภัยสูง แม้จะเมาจนหลับในที่สาธารณะก็มักจะไม่ถูกขโมยกระเป๋าสตางค์หรือสมาร์ทโฟน ในต่างประเทศถือว่าเป็นพฤติกรรมที่อันตราย แต่ในญี่ปุ่นถือว่าค่อนข้างปลอดภัย
10. วัฒนธรรม “โอะฮิโตะริซามะ” การกินข้าวคนเดียว
ในญี่ปุ่น การไปกินราเม็ง ซูชิ ยากินิกุ หรือคาเฟ่คนเดียวเป็นเรื่องปกติ
เรียกว่าวัฒนธรรม “โอะฮิโตะริซามะ” ที่นิยมการกินข้าวโดยไม่ต้องสนใจสายตาคนรอบข้าง ที่นั่งเคาน์เตอร์ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับลูกค้าที่มาคนเดียว ทำให้สามารถกินข้าวได้อย่างสบายใจ ปัจจุบันยังมีบริการสำหรับคนเดียวโดยเฉพาะ เช่น ยากินิกุคนเดียว คาราโอเกะคนเดียว เพิ่มมากขึ้นด้วย
11. จุด Free Wi-Fi มีน้อย
แม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศท่องเที่ยว แต่จุดให้บริการ Free Wi-Fi ในเมืองกลับมีน้อยกว่าที่คิด
แม้จะมี Free Wi-Fi ให้บริการที่สถานีรถไฟหลัก สนามบิน ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ หรือร้านกาแฟเชน แต่ส่วนใหญ่ต้องลงทะเบียนก่อนใช้งาน และขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก บางครั้งยังจำกัดเวลาใช้งานหรือความเร็วอินเทอร์เน็ตต่ำอีกด้วย
เนื่องจากระหว่างท่องเที่ยวมักต้องใช้สมาร์ทโฟนดูแผนที่หรือค้นหาร้านอาหาร จึงแนะนำให้เช่า eSIM หรือ Pocket Wi-Fi ไว้ใช้งาน
😄เดินทางในญี่ปุ่นให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย NAVITIME eSIM! 👉คลิกที่นี่
บทความที่เกี่ยวข้อง
12. รถไฟและรถบัสตรงเวลามากเกินไป
ความตรงต่อเวลาของระบบขนส่งสาธารณะในญี่ปุ่นถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลก รถไฟและรถบัสจะเดินทางตามตารางเวลาอย่างแม่นยำในระดับวินาที แม้จะล่าช้าเพียงไม่กี่นาทีก็จะมีการประกาศหรือขอโทษ
ชินคันเซ็นมีสถิติเวลาล่าช้าเฉลี่ยต่อปีเพียงไม่กี่สิบวินาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นผลมาจากระบบการจัดการเดินรถที่มีประสิทธิภาพสูงและความรับผิดชอบของพนักงานที่ยอดเยี่ยม การเดินทางที่ตรงตามตารางเวลาทำให้สามารถวางแผนท่องเที่ยวได้ง่ายและเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เกิดภัยธรรมชาติเช่น ไต้ฝุ่นหรือหิมะตกหนัก อาจมีการล่าช้าหรือหยุดให้บริการเป็นเวลานานได้ และในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็นจะมีผู้โดยสารหนาแน่นมาก แนะนำให้เลือกเดินทางในช่วงเวลาที่คนไม่เยอะ
🚅จองชินคันเซ็นได้ที่ NAVITIME Travel! 👉คลิกที่นี่
บทความที่เกี่ยวข้อง
13. วัฒนธรรมมารยาทการอยู่เงียบๆ ในรถไฟ
บนรถไฟในญี่ปุ่น ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะใช้เวลาอย่างเงียบ ๆ การคุยโทรศัพท์ถือว่าไม่เหมาะสม และหากพูดคุยกันจะพูดด้วยเสียงเบา แม้แต่การฟังเพลงก็จะระวังไม่ให้เสียงรั่วออกจากหูฟัง
บรรยากาศที่เงียบสงบนี้สะท้อนถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับการเกรงใจผู้อื่นและมารยาทในที่สาธารณะ นักท่องเที่ยวเองก็ควรปฏิบัติตามโดยการอยู่เงียบ ๆ ขณะโดยสารรถไฟ
บางทฤษฎีเชื่อว่ามาจากการที่หลายคนที่ใช้รถไฟต้องเดินทางไกลหรือตื่นเช้ามาก ทำให้ต้องการนอนหลับบนรถไฟ จึงพยายามลดการส่งเสียงรบกวนการนอนนั่นเอง
14. IC Card (Suica・Pasmo) สะดวกมาก
Suica และ Pasmo เป็นบัตรสารพัดประโยชน์ที่ใช้ได้ทั้งขึ้นรถไฟ รถบัส รวมถึงจ่ายเงินที่ร้านสะดวกซื้อ ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ร้านอาหาร ฯลฯ
เพียงแค่แตะบัตรก็ชำระเงินได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋ว หากยอดเงินไม่พอก็เติมเงินได้ง่าย ๆ ที่เครื่องขายตั๋วในสถานีหรือร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา มีการใช้งาน Mobile Suica และ Suica ที่รองรับ Apple Pay มากขึ้น ทำให้สามารถเดินทางและช้อปปิ้งได้ด้วยสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว
สำหรับนักท่องเที่ยวก็มีบัตร Welcome Suica วางจำหน่ายด้วย ถือเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ระหว่างการเดินทางในญี่ปุ่น
15. สถานที่สาธารณะสะอาดและปลอดภัยมาก
คุณจะแทบไม่พบเห็นขยะตามท้องถนนเลย แถมห้องน้ำสาธารณะก็สะอาดอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟ สวนสาธารณะ หรือแหล่งท่องเที่ยว ทุกที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แทบไม่มีรอยขีดเขียนหรือการทำลายข้าวของ แม้แต่เวลากลางคืน ผู้หญิงก็สามารถเดินคนเดียวได้อย่างปลอดภัย โอกาสที่กระเป๋าสตางค์หรือสมาร์ทโฟนที่ทำหล่นจะได้คืนก็สูงมาก อัตราอาชญากรรมอยู่ในระดับต่ำที่สุดในโลก
นักท่องเที่ยวจึงสามารถเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจ
เคล็ดลับเพื่อให้เที่ยวญี่ปุ่นได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
ซิมการ์ด / eSIM / เช่า Wi-Fi
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทางที่สะดวกสบาย โดยมีตัวเลือกดังนี้
- ซิมการ์ด สามารถซื้อได้ที่สนามบินหรือร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น Bic Camera ส่วนใหญ่จะเป็นแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตเท่านั้น เลือกได้ตั้งแต่ 7 วัน ถึง 30 วัน
- eSIM หากสมาร์ทโฟนรองรับ eSIM สามารถซื้อและตั้งค่าทางออนไลน์ได้ก่อนเดินทางมาถึงญี่ปุ่น ไม่ต้องใช้ซิมการ์ดจริงและเริ่มใช้งานได้ทันที สะดวกมาก
- เช่า Pocket Wi-Fi สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลายเครื่อง เหมาะสำหรับเดินทางเป็นกลุ่ม รับและคืนเครื่องได้ที่สนามบิน
😄เดินทางในญี่ปุ่นให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย NAVITIME eSIM! 👉คลิกที่นี่
บทความที่เกี่ยวข้อง
แอปพลิเคชันที่มีประโยชน์
- Google Maps สามารถค้นหาที่อยู่หรือชื่อร้านในภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษได้ และยังแสดงข้อมูลการเปลี่ยนขบวนรถไฟด้วย สามารถดาวน์โหลดแผนที่แบบออฟไลน์ได้เช่นกัน
- Japan Transit Planner เป็นแอปที่เน้นการค้นหาข้อมูลระบบขนส่งสาธารณะในญี่ปุ่นโดยเฉพาะ แสดงเส้นทางและค่าโดยสารที่เหมาะสมที่สุด
- Google Translate มีฟังก์ชันแปลเสียงและแปลด้วยกล้อง สามารถแปลเมนูร้านอาหารหรือป้ายต่างๆ ได้ หากดาวน์โหลดข้อมูลภาษาญี่ปุ่นไว้ล่วงหน้าจะสะดวกมากขึ้นสำหรับการแปลแบบออฟไลน์
- Japan Wi-Fi auto-connect เป็นแอปที่ช่วยให้เชื่อมต่อ Wi-Fi ฟรีทั่วประเทศญี่ปุ่นได้อย่างง่ายดาย
การใช้ Suica และอื่น ๆ
สำหรับนักท่องเที่ยว มีบัตร Welcome Suica ซึ่งเป็น Suica ที่มีอายุการใช้งาน 28 วัน ไม่ต้องวางเงินมัดจำ และสามารถซื้อได้ตั้งแต่ 1,000 เยน สามารถซื้อได้ที่สนามบินและสถานีหลักต่าง ๆ ส่วน Mobile Suica สามารถลงทะเบียนใช้งานกับ Apple Pay หรือ Google Pay ได้
วิธีเติมเงิน สามารถเติมได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วในสถานีรถไฟ หรือที่แคชเชียร์ร้านสะดวกซื้อ
🚅จองตั๋วชินคันเซ็นได้ที่ NAVITIME Travel! 👉คลิกที่นี่
😄เดินทางในญี่ปุ่นให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย NAVITIME eSIM! 👉คลิกที่นี่
Comments