สถานที่ซื้อซิมการ์ดและ eSIM ในญี่ปุ่นได้ทันที สรุปจุดจำหน่ายทั้งออนไลน์ สนามบิน และร้านสะดวกซื้อ!

  • 9 ธันวาคม 2025
  • 7 มิถุนายน 2024
  • Jacky Wong
  • Jum
  • Cody Ng

หนึ่งในสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทางไปญี่ปุ่นก็คือการใช้งานอินเทอร์เน็ต เช่น การโพสต์รูปถ่ายลงโซเชียลมีเดีย หรือค้นหาวิธีเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง อย่างไรก็ตาม บางครั้งซิมการ์ดที่เตรียมไว้ไม่สามารถใช้งานได้ หรืออาจลืมซื้อก่อนออกเดินทาง ทำให้ต้องหาซื้อซิมการ์ดที่ญี่ปุ่นแบบเร่งด่วน

เพื่อเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในกรณีเช่นนี้ เราได้รวบรวมสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อซิมการ์ดในญี่ปุ่นได้ทันที นอกจากนี้ยังมีการแนะนำ eSIM ที่สามารถซื้อออนไลน์ได้อีกด้วย! พร้อมทั้งจุดที่ควรพิจารณาก่อนซื้อ หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ

※ข้อมูลทั้งหมดในบทความนี้เป็นข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2025 กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการก่อนใช้งาน
หากคุณซื้อสินค้าหรือจองบริการที่เราแนะนำในบทความนี้ ส่วนหนึ่งของยอดขายจะกลับมาสนับสนุน FUN! JAPAN

วิธีเลือกและจุดที่ควรระวังเมื่อนักท่องเที่ยวซื้อ SIM CARDในญี่ปุ่นคืออะไร

การเลือกซื้อและข้อควรระวังเมื่อนักท่องเที่ยวซื้อซิมการ์ดในญี่ปุ่น

SIMCARD ที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นในระยะสั้น สามารถซื้อและใช้งานได้ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทเติมเงินล่วงหน้า หรือ Prepaid SIM CARD นั่นคือ SIM CARD ที่มีระยะเวลาการใช้งานและปริมาณข้อมูลที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และสามารถใช้งานได้จนกว่าจะใช้ปริมาณข้อมูลที่ซื้อมาหมด หรือจนกว่าจะถึงวันหมดอายุการใช้งาน

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะพูดถึง " SIM CARD แบบเติมเงิน" แต่ก็มีหลากหลายประเภท โดยทั่วไป SIM CARD สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นจะเป็นสำหรับการสื่อสารข้อมูลเท่านั้น การสนทนาผ่านเสียงและ SMS จะไม่สามารถใช้งานได้ แต่ไม่จำเป็นต้องทำขั้นตอนการทำสัญญาหรือยกเลิกสัญญากับผู้ให้บริการโทรคมนาคม ดังนั้น หลังจากซื้อ ถ้าคุณใส่ SIM CARD ในอุปกรณ์ที่ไม่มีการล็อค SIM หรือที่ถูกปลดล็อค SIM คุณสามารถใช้งานได้ทันที ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ (※ บางส่วนอาจต้องมีขั้นตอนการตั้งค่าหรือเปิดใช้งาน)

วิธีเลือกและข้อควรระวังเมื่อนักท่องเที่ยวซื้อบัตร SIM ในญี่ปุ่น

ขนาดของ SIM CARD 3 ประเภท:

  1. (ซ้าย)SIM มาตรฐาน / miniSIM(25mm×15mm)
  2. (กลาง)microSIM(15mm×12mm)
  3. (ขวา)nanoSIM(2.3mm×8.8mm)

SIM CARD เติมเงินที่ขายในท้องตลาดมากที่สุด มีการใช้ "ขนาดหลากหลาย" ที่สามารถรองรับทั้ง "SIM มาตรฐาน", "microSIM", และ "nanoSIM" ทั้ง 3 ประเภท คุณสามารถแยกมันออกจากกระดาษพื้นฐานเพื่อใช้งานตามขนาดที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องตรวจสอบขนาดที่คุณจะใช้ล่วงหน้า

นอกจากนี้ SIM CARD เติมเงินมีระยะเวลาที่ใช้งานได้ที่แตกต่างกันตามสินค้า ระยะเวลาที่ใช้งานได้ทั่วไปคือจากหลายวันถึง 1 เดือน หรืออาจมีระยะเวลาครึ่งปี ในขณะเดียวกัน ปริมาณการสื่อสารข้อมูลจะแตกต่างกันตามสินค้า มีการจำกัดปริมาณการสื่อสารข้อมูลต่อวัน หรือสามารถใช้งานได้ไม่จำกัดระหว่างระยะเวลา หรือมีปริมาณข้อมูลจากหลาย GB ถึงหลายสิบ GB และมีปริมาณข้อมูลที่ใหญ่ บางสินค้ายังสามารถซื้อปริมาณข้อมูลเพิ่มเติมได้ทุกครั้ง ดังนั้นควรพิจารณาสถานะการใช้งานของคุณเอง และเลือกสิ่งที่ตรงกับความต้องการของคุณ เช่น จำนวนวันที่คุณจะอยู่ จำนวนวันที่คุณต้องการใช้ และปริมาณข้อมูล

ตอนนี้ต้อง eSIM! แตกต่างจากซิมการ์ดแบบปกติอย่างไร?

ตอนนี้ต้อง eSIM! แตกต่างจากซิมการ์ดแบบปกติอย่างไร?
ภาพตัวอย่าง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา eSIM (อีซิม) ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาญี่ปุ่น eSIM ย่อมาจาก "Embedded SIM" คือซิมการ์ดแบบฝังในตัวเครื่อง ซึ่งติดตั้งมาในอุปกรณ์ตั้งแต่แรก และสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตได้ วิธีใช้งานก็ง่ายมาก หลังจากซื้อ eSIM แล้ว เพียงทำตามคู่มือหรือคำแนะนำที่แนบมาเพื่อทำการตั้งค่าออนไลน์ก็สามารถใช้งานได้ทันที แตกต่างจากซิมการ์ดแบบปกติที่ต้องถอดหรือเปลี่ยนซิมการ์ด eSIM ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย

วิธีเลือกซื้อ eSIM และข้อควรระวังมีอะไรบ้าง?

วิธีเลือกซื้อ eSIM และข้อควรระวังมีอะไรบ้าง?

การใช้งาน eSIM ควรตรวจสอบปริมาณข้อมูล รุ่นอุปกรณ์ที่รองรับ และขั้นตอนการตั้งค่าให้แน่ชัด

ตรวจสอบปริมาณข้อมูล

แพ็กเกจข้อมูลของ eSIM มีให้เลือกหลากหลายเช่นเดียวกับซิมการ์ดแบบปกติ เช่น ประเภทการคำนวณปริมาณข้อมูล แบบ "รายวัน" หรือ "รวมตลอดระยะเวลา" ระยะเวลาการใช้งาน ตั้งแต่ 1 วันจนถึงมากกว่า 30 วัน ปริมาณข้อมูล ตั้งแต่ 500MB จนถึงไม่จำกัด สามารถเลือกได้ตามต้องการ นอกจากนี้ eSIM ยังสามารถเพิ่มปริมาณข้อมูลได้ง่าย เพียงเลือก eSIM จากผู้ให้บริการที่สามารถซื้อข้อมูลเพิ่มผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์โดยตรง หากใช้ข้อมูลเกินกว่าที่คาดไว้ระหว่างเดินทาง ก็สามารถซื้อเพิ่มออนไลน์ได้ทันทีโดยไม่ต้องไปที่ร้าน

ตรวจสอบอุปกรณ์ที่รองรับ eSIM

ก่อนซื้อ eSIM ควรตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของคุณรองรับ eSIM หรือไม่ สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่รองรับ แต่บางรุ่นที่จำหน่ายในบางประเทศหรือภูมิภาค แม้จะเป็นรุ่นเดียวกันก็อาจไม่รองรับ เช่น iPhone รุ่นเดียวกัน เวอร์ชันญี่ปุ่นรองรับ eSIM แต่เวอร์ชันฮ่องกงหรือมาเก๊าอาจรองรับเฉพาะซิมการ์ด nano-SIM แบบ 2 ช่อง (Dual SIM เฉพาะซิมการ์ดปกติ)

  • iPhone รุ่นที่รองรับ ได้แก่ iPhone XS, iPhone XS Max, iPhone XR ขึ้นไป (เช่น iPhone 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17 series เป็นต้น)
  • Android รุ่นที่รองรับ ได้แก่ Google Pixel, Galaxy, Xperia, AQUOS, Xiaomi, OPPO และแบรนด์หลักอื่น ๆ อีกมากมาย (กรุณาตรวจสอบรายละเอียดจากเว็บไซต์ของผู้ผลิต)

วิธีตรวจสอบว่าอุปกรณ์รองรับ eSIM หรือไม่

เนื่องจากบางรุ่นที่จำหน่ายในบางประเทศหรือภูมิภาคอาจไม่รองรับ eSIM แนะนำให้ตรวจสอบโดยตรงกับสมาร์ทโฟนของคุณเอง

  • สำหรับ iPhone: "การตั้งค่า" → "เซลลูลาร์" → "เพิ่ม eSIM"
  • สำหรับ Android: "การตั้งค่า" → "เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต" → "ซิม" → "เพิ่มซิม" → "ตั้งค่า eSIM"

หากมีเมนูดังกล่าวแสดงขึ้น แสดงว่าอุปกรณ์ของคุณรองรับ eSIM

วิธีตั้งค่า eSIM หลัก ๆ

หลังจากซื้อ eSIM ออนไลน์แล้ว กรุณาตรวจสอบคู่มือการตั้งค่าที่แนบมา โดยวิธีตั้งค่า eSIM หลัก ๆ มีดังนี้

  • (1) ติดตั้งโดยสแกน QR code: เพียงสแกน QR code ก็สามารถติดตั้ง eSIM ได้
  • (2) ติดตั้งด้วยการตั้งค่าด้วยตนเอง: กรอกรหัสสำหรับตั้งค่าด้วยตนเองที่แสดงพร้อม QR code ลงในหน้าตั้งค่า eSIM ของสมาร์ทโฟน
  • (3) ติดตั้งโดยตรงผ่านแอปหรือเว็บไซต์: บางกรณีสามารถติดตั้ง eSIM ได้โดยกดปุ่มเพียงครั้งเดียวผ่านแอปหรือเว็บไซต์ของแบรนด์ eSIM

นอกจากนี้ การตั้งค่า eSIM โดยพื้นฐานแล้วจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ดังนั้นขอแนะนำให้ใช้ Wi-Fi ฟรีที่สนามบินหรือโรงแรม หรือทำการตั้งค่าที่บ้านให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง เนื่องจากในบางรุ่นอาจมีขั้นตอนการตั้งค่าที่ซับซ้อนเล็กน้อย กรุณาตรวจสอบขั้นตอนการตั้งค่า ระยะเวลาที่ใช้จนเปิดใช้งานได้ วันที่เริ่มใช้งานข้อมูล ให้แน่ใจก่อนซื้อ

SIM การ์ด VS eSIM VS Pocket Wi-Fi อันไหนดีกว่ากัน?

SIM การ์ด VS eSIM VS Pocket Wi-Fi อันไหนดีกว่ากัน?

สำหรับการใช้อินเทอร์เน็ตขณะเดินทางต่างประเทศ ปัจจุบันมี 3 ตัวเลือกหลัก ได้แก่ SIM การ์ด, eSIM และ Pocket Wi-Fi แต่ละแบบมีจุดเด่นต่างกัน ควรเลือกให้เหมาะกับสไตล์การเดินทาง จำนวนคน และงบประมาณของคุณ

SIM การ์ด

SIM การ์ด สามารถซื้อออนไลน์ หรือซื้อได้ทันทีที่สนามบินหรือร้านค้าในเมืองทั้งในประเทศของคุณหรือจุดหมายปลายทาง ข้อดีคือมีพนักงานคอยช่วยเหลือ เหมาะสำหรับมือใหม่ และยังใช้ได้กับเครื่องที่ไม่รองรับ eSIM แต่ต้องถอดเปลี่ยน SIM การ์ดเอง และเนื่องจากการ์ดมีขนาดเล็กจึงควรระวังการสูญหาย หากใช้ปริมาณข้อมูลหมดแล้วต้องซื้อ SIM การ์ดใหม่

💡แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือที่ร้านหรือไม่มั่นใจในการตั้งค่าดิจิทัล

eSIM

eSIM สามารถซื้อและตั้งค่าก่อนเดินทางได้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องการตั้งค่า SIM หรือปัญหาหลังเดินทางถึงที่หมาย ไม่ต้องถอดเปลี่ยน SIM การ์ดและไม่ต้องกลัวหาย อีกทั้งยังสามารถใช้ฟังก์ชัน Dual SIM เพื่อคงเบอร์โทรศัพท์เดิมไว้ได้ หากใช้ข้อมูลหมดก็สามารถซื้อเพิ่มผ่านแอปหรือเว็บไซต์ได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ใช้ได้เฉพาะกับอุปกรณ์ที่รองรับ eSIM และต้องมี Wi-Fi ขณะตั้งค่า กรุณาตรวจสอบรุ่นที่รองรับและวิธีการตั้งค่าก่อนซื้อ

💡เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมทุกอย่างให้เสร็จก่อนเดินทาง และต้องการเพิ่มปริมาณข้อมูลได้อย่างยืดหยุ่นระหว่างทริป

Pocket Wi-Fi

Pocket Wi-Fi สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลายเครื่องพร้อมกัน เหมาะสำหรับการแชร์กับหลายคน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่อคน ใช้ได้กับทั้งสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และไม่จำเป็นต้องรองรับ SIM การ์ด อย่างไรก็ตาม ต้องพกอุปกรณ์ติดตัวตลอดเวลา ต้องดูแลเรื่องการชาร์จไฟ และมีขั้นตอนรับ-คืนเครื่อง หากแยกกันเดินทางอาจติดต่อกันไม่ได้

💡แนะนำสำหรับกลุ่มที่เดินทางด้วยกันหลายคน หรือผู้ที่ต้องการใช้งานหลายอุปกรณ์

ตารางเปรียบเทียบ SIM การ์ด VS eSIM VS Pocket Wi-Fi

หัวข้อSIM การ์ดแบบฟิสิคัลeSIMPocket Wi-Fi
รับอุปกรณ์×
คืนอุปกรณ์××
อุปกรณ์ที่รองรับเครื่องที่ปลดล็อก SIMเฉพาะอุปกรณ์ที่รองรับ eSIMอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อพร้อมกัน1 เครื่อง1 เครื่องหลายเครื่อง
ใช้ SIM เดิมร่วมกันขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ใช้ร่วมกันได้ใช้ร่วมกันได้
เพิ่มปริมาณข้อมูล×
(ต้องซื้อใหม่)

(ซื้อเพิ่มออนไลน์ได้)
ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ

※ในบางกรณีอาจใช้ได้หรือไม่ได้ กรุณาตรวจสอบรายละเอียดของแต่ละสินค้า

สรุปสถานที่ที่คุณสามารถซื้อ SIM CARD ในญี่ปุ่น

มีวิธีการที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อและใช้งาน SIM พรีเพย์ได้ในวันเดียวกันในประเทศญี่ปุ่น 5 วิธีหลัก หากคุณเพิ่งมาถึง คุณสามารถซื้อได้ที่เคาน์เตอร์หรือเครื่องขายของอัตโนมัติที่สนามบินหลัก หรือถ้าคุณอยู่ในเมือง คุณสามารถซื้อได้ที่ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าในใจกลางเมืองหรือร้านสะดวกซื้อ แต่ละสถานที่มีลักษณะเฉพาะต่างกัน ดังนั้นคุณควรเลือกใช้ตามความต้องการและเวลาที่เหมาะสม

1. เคาน์เตอร์ขายที่สนามบิน (สนามบินนานาชาตินาริตะ, สนามบินฮาเนดะ, สนามบินนานาชาติคันไซ ฯลฯ)

สถานที่ที่สามารถซื้อ SIM ในประเทศญี่ปุ่น 1. เคาน์เตอร์ขายที่สนามบิน

สนามบินฮาเนดะ
© มูลนิธิการท่องเที่ยวโตเกียว © Tokyo Convention&Visitors Bureau

ที่สนามบินนานาชาตินาริตะ สนามบินฮาเนดะ และสนามบินนานาชาติคันไซ ที่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศจำนวนมาก มีจุดบริการขายซิมการ์ดเติมเงินสำหรับใช้ในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ล็อบบี้ทางออกของสนามบิน

ข้อดีของการซื้อซิมการ์ดที่จุดบริการสนามบินคือ มีพนักงานที่มีประสบการณ์ในการให้บริการนักท่องเที่ยว พวกเขาสามารถให้คำแนะนำในการซื้อและการใช้งานซิมการ์ดในหลายภาษา ทำให้คุณสามารถทำการตั้งค่าเริ่มต้นและกระบวนการเปิดใช้งานได้ง่ายแม้ว่าคุณจะไม่คุ้นเคยกับการทำเหล่านี้ นอกจากนี้ บางร้านยังมีบริการสนับสนุนทางเทคนิคในภาษาอังกฤษและจีนหลังจากการซื้อ ทำให้คุณสามารถรู้สึกสบายใจตลอดการท่องเที่ยวของคุณ

สำหรับสถานที่ขายซิมการ์ด คุณสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสนามบินแต่ละแห่ง

สถานที่ขายซิมการ์ดที่เคาน์เตอร์ของสนามบินหลัก (ตัวอย่าง)

【สนามบินนานาชาตินาริตะ】

【สนามบินฮาเนดะ】

【สนามบินนานาชาติคันไซ】

2. ตู้ขายซิมการ์ดอัตโนมัติ (สนามบินนานาชาตินาริตะ, สนามบินฮาเนดะ, สนามบินนานาชาติคันไซ และอื่นๆ)

สถานที่ที่สามารถซื้อ SIM การ์ดในญี่ปุ่น 2. ตู้ขาย SIM การ์ดอัตโนมัติ
ภาพประกอบ

เคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้าอาจปิดให้บริการ ขึ้นอยู่กับเวลาที่เที่ยวบินของคุณมาถึง ในกรณีเช่นนี้ ตู้จำหน่ายซิมการ์ดซึ่งติดตั้งอยู่ที่สนามบินหลักแต่ละแห่งและเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง 365 วันต่อปีก็สะดวก คุณสามารถซื้อซิมการ์ดแบบชำระเงินล่วงหน้าได้อย่างง่ายดายทุกเมื่อในช่วงเวลาทำการของอาคารผู้โดยสาร

คุณสามารถเลือกแผนได้หลากหลาย โดยมีความจุข้อมูลตั้งแต่ 1GB ไปจนถึงไม่จำกัด และระยะเวลาการใช้งานตั้งแต่ไม่กี่วันจนถึงสูงสุดหลายสิบวัน ขึ้นอยู่กับจำนวนวันที่คุณเดินทางและความถี่ในการใช้งาน สามารถชำระเงินด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิต และบางรุ่นก็รับบัตร IC สำหรับการขนส่งประเภทต่างๆ เช่น Suica

สถานที่ติดตั้งเครื่องขายอัตโนมัติ SIM ที่สนามบินหลัก (ตัวอย่าง)

【สนามบินนานาชาตินาริตะ】

  • อาคารผู้โดยสาร 1 ชั้น 1,อาคารผู้โดยสาร 2 ชั้น 1

【สนามบินฮาเนดะ】

  • อาคารผู้โดยสาร 3 ชั้น 3

【สนามบินนานาชาติคันไซ】

  • อาคารผู้โดยสาร 1 ชั้น 1

【สนามบินนานาชาติจูบุ】

  • อาคารผู้โดยสาร 1 ชั้น 2 และ 3, อาคารผู้โดยสาร 2 ชั้น 1

【สนามบินชินชิโตเซ】

  • อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ

3. ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ (เช่น Bic Camera, Yodobashi Camera, Yamada Denki และอื่น ๆ)

สถานที่ที่สามารถซื้อซิมการ์ดในญี่ปุ่น 3. ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่
ภาพประกอบ

ซิมการ์ดที่เตรียมไว้ล่วงหน้าไม่สามารถใช้งานได้ทันที! ในกรณีที่คุณประสบปัญหานี้ในตัวเมือง คุณสามารถพึ่งพาร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ เช่น Bic Camera, Yodobashi Camera และ Yamada Denki

ไม่เพียงแค่มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ร้านค้าเหล่านี้ยังมีสาขาทั่วประเทศ ทำให้คุณสามารถแวะเวียนไปที่ร้านค้าได้ง่ายๆ ในการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในร้านค้าที่ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ มีพนักงานที่สามารถพูดภาษาจีนและภาษาอังกฤษ พวกเขาสามารถให้คำแนะนำและสนับสนุนในการเลือกซื้อและการตั้งค่า ดังนั้นหากคุณมีปัญหาหรือข้อสงสัยหลังจากการซื้อ คุณสามารถปรึกษาได้ทันที

คุณสามารถสะสมคะแนน หรือใช้คูปองปลอดภาษี เพื่อทำให้การซื้อของของคุณมีความคุ้มค่ามากขึ้น

👉 คูปองที่สามารถลดราคาสูงสุด 17% ที่ Bic Camera คลิกที่นี่!

ร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีซิมการ์ดสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาญี่ปุ่น (ตัวอย่าง)

4. ร้านค้าทางการของบริษัทโทรคมนาคม (Softbank Shop)

ซิมการ์ดสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นสามารถซื้อได้จาก SoftBank Shop ซึ่งเป็นร้านค้าที่ดำเนินการโดย SoftBank ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ของญี่ปุ่น ชื่อว่า "Prepaid SIM for Travel"

มีเพียงประเภทเดียวที่ให้บริการการสื่อสารข้อมูลได้สูงสุด 3GB ในระยะเวลา 31 วัน แม้ว่าจะต้องมีการตั้งค่าและดำเนินการก่อนเริ่มใช้งาน แต่มีคำแนะนำเป็นภาษาอังกฤษที่แนบมากับแผ่นกระดาษอธิบายวิธีการติดตั้งใช้งาน และเมื่อจำเป็นพนักงานที่ร้านจะให้ความช่วยเหลือ ดังนั้น แม้ว่าคุณจะไม่ถนัดในการตั้งค่า คุณก็สามารถเริ่มใช้งานได้อย่างราบรื่น

คุณจะต้องแสดงหนังสือเดินทางตัวจริงของคุณเมื่อซื้อ ดังนั้นอย่าลืมนำติดตัวไปด้วย

Prepaid SIM for Travel

  • สถานที่ขาย: SoftBank Shop (และร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ช่องบริการเช่า SoftBank ที่สนามบิน ฯลฯ)
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://www.softbank.jp/mobile/special/prepaid-sim-for-travel/

5. ร้านสะดวกซื้อ (Family Mart, Seven-Eleven, NewDays)

สถานที่ที่สามารถซื้อ SIM ในญี่ปุ่น 5. ร้านสะดวกซื้อ
ภาพประกอบ

ถ้าคุณต้องการซิมการ์ดในช่วงเวลากลางคืนและไม่มีร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือร้านค้าของผู้ให้บริการโทรศัพท์ที่เปิดในบริเวณใกล้เคียง คุณสามารถลองหาซื้อที่ร้านสะดวกซื้อ

ตามข้อมูลในเดือนพฤษภาคม 2567 ร้านสะดวกซื้อที่ขายซิมการ์ดสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่น มีเพียง Family Mart, Seven-Eleven และ NewDays แต่การจำหน่ายซิมการ์ดสำหรับนักท่องเที่ยวนั้นจำกัดเฉพาะบางพื้นที่และร้านค้า ดังนั้นควรตรวจสอบว่าร้านในบริเวณใกล้เคียงมีการจำหน่ายหรือไม่ล่วงหน้า

ร้านสะดวกซื้อที่จำหน่ายซิมการ์ดสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่น (ตัวอย่าง)

【Family Mart (เฉพาะภูมิภาค Kanto และ Kansai)】

  • สินค้าที่จำหน่าย: JAPAN&GLOBAL SIM
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://www.in-plus.co.jp/

Seven-Eleven (สนามบินนาริตะ อาคาร 2 ชั้น B1F)】

  • สินค้าที่ขาย: INPLUS Prepaid SIM
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://www.in-plus.co.jp/

【NewDays (เฉพาะร้านที่ร่วมรายการ)】

  • สินค้าที่ขาย: Japan Travel SIM
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://t.iijmio.jp/

6. ซื้อ eSIM หรือ SIM การ์ดออนไลน์

ซื้อ eSIM หรือ SIM การ์ดออนไลน์

สำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเดินทางมาญี่ปุ่น การซื้อออนไลน์ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะ eSIM ที่สามารถซื้อและเปิดใช้งานออนไลน์ได้ทันที เมื่อเดินทางถึงสนามบินก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้เลย

นอกจากนี้ การซื้อแบบออนไลน์ยังมีข้อดีตรงที่สามารถเปรียบเทียบแผนราคาและปริมาณข้อมูลได้อย่างละเอียดโดยไม่ต้องเร่งรีบ เนื่องจากมีเว็บไซต์ที่รองรับหลายภาษา จึงไม่มีอุปสรรคด้านภาษา และในบางกรณียังสามารถใช้ส่วนลดหรือคูปองเฉพาะทางออนไลน์ได้อีกด้วย

หากจะซื้อแบบออนไลน์หลังจากเดินทางมาถึงญี่ปุ่น จำเป็นต้องมีสัญญาณ WiFi โดยสามารถใช้ WiFi ฟรีได้ที่สนามบิน ร้านสะดวกซื้อบางแห่ง คาเฟ่ หรือสถานีหลักต่าง ๆ นอกจากนี้ การตั้งค่า eSIM ก็ต้องใช้อินเทอร์เน็ตเช่นกัน ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรตั้งค่าที่บ้านก่อนออกเดินทาง หรือหลังจากมาถึงให้ตั้งค่าที่สนามบินหรือสถานที่ที่มี WiFi เสถียร

เว็บไซต์แนะนำสำหรับซื้อซิมการ์ดแบบฟิสิคอล (รับที่สนามบิน/โรงแรม)

【klook】ซิมการ์ด 4G ไม่จำกัดปริมาณข้อมูลในญี่ปุ่น (รับที่สนามบินในประเทศญี่ปุ่น / ให้บริการโดย Sakura Mobile)

【klook】ซิมการ์ด 5G ไม่จำกัดปริมาณข้อมูลในญี่ปุ่น (รับที่สนามบินในประเทศญี่ปุ่น)

【kkday】ซิมการ์ด au (KDDI) ในประเทศญี่ปุ่น รับที่ Narita / Haneda Airport / Kansai Airport / Fukuoka Airport

เว็บไซต์แนะนำสำหรับซื้อ eSIM

【NAVITIME】eSIM ญี่ปุ่น: 7 วัน / 15 วัน / 21 วัน ไม่จำกัด

【klook】บัตร eSIM ญี่ปุ่น 4G/5G อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (ซื้อทันทีเพื่อรับ QR โค้ด) KDDI/SoftBank

【klook】eSIM ญี่ปุ่น | NTT Docomo

【klook】eSIM 4G สำหรับประเทศในเอเชีย (ให้บริการโดย Airalo)

【kkday】【ลด 50%】eSIM ญี่ปุ่นในประเทศ รองรับการติดตั้งแบบคลิกเดียว (เครือข่าย Docomo / au / SoftBank)

【kkday】eSIM 5G หลายประเทศในเอเชีย รองรับการติดตั้งแบบคลิกเดียว


มีหลายวิธีในการซื้อซิมการ์ดในญี่ปุ่น! หากต้องการความช่วยเหลือ คุณสามารถไปที่ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือร้านค้าของบริษัทโทรคมนาคม หรือหากคุณกำลังมองหาตัวเลือกสำหรับใช้งานในช่วงดึกหรือเช้าตรู่ คุณสามารถซื้อ eSIM ได้จากตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติหรือทางออนไลน์ มีหลายวิธีในการซื้อซิมการ์ดและ eSIM ในญี่ปุ่น หากคุณต้องการซิมการ์ดอย่างกะทันหันระหว่างเดินทาง อย่าเพิ่งตกใจ ลองหาที่ร้านค้าใกล้บ้านก่อน

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend