 
อนิเมะและมังงะเรื่องดังระดับโลกอย่าง Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba (ดาบพิฆาตอสูร) ได้สร้างความคลั่งไคล้ให้กับผู้คนทั่วโลกด้วยภาพของ “โอนิ” (鬼) หรือปีศาจร้ายที่กินมนุษย์ เรื่องราวการต่อสู้ของ คามาโดะ ทันจิโร่ เพื่อช่วยเนซึโกะ น้องสาวให้กลับเป็นมนุษย์และปกป้องผู้คน ช่างสืบทอดธรรมเนียมการ “ปราบปีศาจ” ของญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว
ทว่า โอนิที่สืบทอดกันมาแต่โบราณในญี่ปุ่นนั้น ไม่ได้เป็นแค่ตัวร้ายหรือสัตว์ประหลาดเท่านั้น บางครั้งก็ได้รับการบูชาดุจเทพเจ้า บางครั้งก็ถูกวาดให้เป็นวีรบุรุษ หรือแม้แต่ตัวเอกผู้โศกเศร้า นับเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีมิติซับซ้อนอย่างยิ่ง
บทความนี้จะเจาะลึกประเภท ตำนาน และความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน เพื่อให้คุณที่สนใจโอนิของญี่ปุ่นมีจุดเริ่มต้นจากการ์ตูนเรื่อง Demon Slayer
※หากคุณซื้อหรือจองสินค้าที่แนะนำในบทความนี้ อาจมีส่วนแบ่งรายได้บางส่วนคืนกลับมายัง FUN! JAPAN
ปีศาจญี่ปุ่นต่างจากปีศาจใน Kimetsu no Yaiba อย่างไร? มุมมองหลากหลายของปีศาจ
 
โอนิในเรื่อง Demon Slayer มีลักษณะเฉพาะที่ชัดเจน คือ เดิมเคยเป็นมนุษย์ ไม่ตายยกเว้นโดนแสงอาทิตย์ และกินเลือดเนื้อของมนุษย์ ซึ่งลักษณะเหล่านี้ค่อนข้างใกล้เคียงกับ “แวมไพร์” ของตะวันตก
ในทางกลับกัน “โอนิ” ที่ปรากฏในตำนานพื้นบ้านญี่ปุ่นนั้น มีรูปลักษณ์และบทบาทที่ไม่ตายตัว การทำความเข้าใจมิติที่หลากหลายของโอนิญี่ปุ่น จะเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าใจภูมิหลังทางวัฒนธรรมของผลงานเหล่านี้
ซื้อผลงาน Kimetsu no Yaiba แบบวิดีโอ 👉Animate Online Shop
นิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับโอนิ
 
บทบาทของโอนิในนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นมีความหลากหลายอย่างมาก ในเรื่องราวของโมโมทาโร่ (Momotaro) และอิสซุนโบชิ (Issun Boshi) โอนิจะปรากฏเป็นตัวร้ายตามแบบฉบับที่ต้อง “ถูกปราบ”
ขณะเดียวกัน ในนิทานเรื่องตาแก่ปุ่มปม (Kobutori Jiisan) แม้จะมีรูปลักษณ์ที่น่ากลัว แต่ก็เผยให้เห็นด้านที่รื่นเริง สนุกกับการเต้นรำและร้องเพลงร่วมกับตาแก่
นอกจากนี้ ยังมีทฤษฎีที่ว่าคินทาโร่ (Kintaro) เป็นลูกของโอนิ (ยามาอุมบะ/Yamamba ปีศาจหญิงแห่งภูเขา) จึงมีภาพวาดอุกิโยะที่แสดงให้เห็นคินทาโร่เล่นกับโอนิอย่างสนิทสนม
ดังนั้น โอนิในนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นจึงถูกวาดให้มีหลายบุคลิก และเป็นที่คุ้นเคยมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ยังมีอีก! ถ้าอยากรู้จักนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นเพิ่มเติม 👉รวม 15 นิทานพื้นบ้านและตำนานญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง เช่น โมโมทาโร่ คินทาโร่ ทานาบาตะ ฯลฯ
โอนิในศิลปะการแสดง ดนตรี และเทศกาลชินโตดั้งเดิมของญี่ปุ่น
 
โอนิไม่ได้มีอยู่แค่ในเรื่องเล่าเท่านั้น แต่ยังปรากฏในการแสดงดนตรีและพิธีกรรมชินโตดั้งเดิมของญี่ปุ่นด้วย
ในการแสดงคลาสสิกของญี่ปุ่นอย่าง โน (Noh) และ เคียวเง็น (Kyogen) โอนิไม่ได้ถูกแสดงให้เป็นแค่ตัวร้ายที่ทำร้ายมนุษย์ แต่ยังรวมถึงตัวละครที่ “กลายร่างเป็นโอนิ” จากความเศร้าหรือความอาฆาตแค้น ซึ่งอาจเทียบเคียงได้กับเรื่องราวใน Demon Slayer ที่โอนิเคยมีอดีตที่น่าเศร้าในฐานะมนุษย์มาก่อน
นอกจากนี้ โอนิยังปรากฏในพิธีกรรมและเทศกาลทั่วญี่ปุ่น เช่น “เทศกาลโอนิโทโยฮาชิ” (Toyohashi Oni Matsuri) ในจังหวัดไอจิ และ “โอนิโอโดริโฮนโจจิ” (Honjoji Oni Odori) พิธีเซ็ตสึบุนในเมืองซันโจ จังหวัดนีงาตะ โดยโอนิในเทศกาลบางครั้งก็ไม่ถูกปราบ แต่ถูกนับถือในฐานะเทพเจ้าผู้ปัดเป่าภัยพิบัติและนำมาซึ่งความสุข
แนะนำประเภทของ “โอนิ” ในญี่ปุ่นแบบสรุป
แม้จะเรียกรวมกันว่า “โอนิ” แต่ในตำนานญี่ปุ่นมีปีศาจโอนิหลากหลายชนิด ที่นี่จะขอแนะนำปีศาจโอนิที่มีเอกลักษณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ “โอนิแดง・โอนิน้ำเงิน” ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด ไปจนถึงโอนิในตำนาน
โอนิแดง (Aka Oni) และ โอนิฟ้า/เขียว (Ao Oni)
 
คือสัญลักษณ์ของโอนิญี่ปุ่น ที่มักพบเห็นมากที่สุดในเทศกาลเซ็ตสึบุน เชื่อกันว่าต้นกำเนิดของโอนิแดงและโอนิฟ้า/เขียว มาจากทฤษฎีหยินหยางและธาตุทั้งห้า (Go-gyo) ของจีนโบราณ ซึ่งเดิมทีมีโอนิห้าสี คือ แดง ฟ้า/เขียว เหลือง เขียว และดำ โดยอิงจากคำสอนทางพุทธศาสนาเรื่อง “ความเร่าร้อนทั้งห้า” (Go-gai) หรือกิเลสตัณหาทั้งห้า
ชูเท็นโดจิ (Shuten Doji)
 
ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสามปีศาจยักษ์ที่ชั่วร้ายที่สุดของญี่ปุ่น มีหลายตำนานเล่าขานถึงเขา เขาลักพาตัวคนหนุ่มสาวและเจ้าหญิงในเมืองเกียวโต แต่ตำนานที่โด่งดังคือการที่เขาถูก มินาโมโตะ โนะ โยริมิตสึ และพวกพ้องปราบลงด้วยการล่อให้ดื่มเหล้าพิษ
เรื่องราวนี้มีต้นกำเนิดในช่วงศตวรรษที่ 14 และถูกเล่าขานต่อๆ กันมาหลายร้อยปี จนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางผ่านหนังสือและม้วนภาพต่างๆ เช่น Otogizoshi เขาคือตัวแทนของโอนิที่มีพลังอำนาจและเสน่ห์อันท่วมท้น
อิบารากิ โดจิ (Ibaraki Doji)
 
เป็นที่รู้จักในฐานะลูกน้องของชูเท็นโดจิ หลังจากชูเท็นโดจิถูกปราบก็หนีรอดไปได้ ต่อมาได้ปรากฏในผลงานต่าง ๆ เช่น “Otogizoshi” โนเรื่อง “Rashomon” และคาบูกิเรื่อง “Modoribashi” เป็นต้น
อามาโนะจาคุ (Amanojaku)
 
มักปรากฏในนิทานพื้นบ้านและวรรณกรรมคลาสสิก แต่รูปลักษณ์และตัวตนไม่แน่นอนเพราะมีความซับซ้อนหลายมิติ ปัจจุบันคำว่า “อามาโนะ จาคุ” มักใช้เรียกคนที่ทำตรงข้ามกับสิ่งที่คนอื่นพูดหรือทำ หรือคนขวางโลก ซึ่งภาพลักษณ์นี้แพร่หลายกว่า
มีทฤษฎีที่ว่ามีต้นกำเนิดจาก อามาโนะ ซากุเมะ (Amanosagume) ที่ปรากฏใน โคจิกิ และ นิฮงโชกิ นอกจากนี้ โอนิที่ถูกเหยียบอยู่ใต้รูปปั้นท้าวจตุโลกบาล (Shitenno) ในพุทธศาสนาก็ถูกเรียกว่า อามาโนะ จาคุ เช่นกัน
อุระ (Ura / Onra)
 
โอนิที่ปรากฏในตำนานของคิบิ (Kibi) ซึ่งปัจจุบันคือจังหวัดโอคายามะ และว่ากันว่าเป็นต้นแบบของโอนิในเรื่องโมโมทาโร่ ตามตำนาน อุระถูก คิบิสึฮิโกะโนะมิโคโตะ ตัดศีรษะ แต่หัวของเขาก็ยังคำรามด้วยเสียงอันดังเป็นเวลาหลายปี เชื่อกันว่าวิญญาณของอุระได้รับการสักการะและสงบลงที่ศาลเจ้าคิบิสึ ในเมืองโอคายามะปัจจุบัน
เรียวเมนสึคุนะ (Ryomen Sukuna)
 
เทพปีศาจผู้มีใบหน้าสองหน้าและแขนขาสี่ข้าง ปรากฏในตำนานเทพนิยายโบราณของญี่ปุ่น เช่น นิฮงโชกิ และถูกบรรยายว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ในตำนานที่เหลืออยู่ในพื้นที่ฮิดะ จังหวัดกิฟุ เขาถูกวาดให้เป็นวีรบุรุษที่ปราบปีศาจร้ายและมังกรพิษ อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งวัด
เมื่อไม่นานมานี้ เขากลายเป็นที่รู้จักจากอนิเมะดัง Jujutsu Kaisen (มหาเวทย์ผนึกมาร) ในฐานะตัวตนที่สิงอยู่ในร่างของ ยูจิ อิตาโดริ ตัวเอกของเรื่อง
หากต้องการรู้จักเรียวเมนสึคุนะมากขึ้น 👉เรียวเมนสึคุนะ - ปีศาจที่ปรากฏในนิฮงโชกิและเป็นที่พูดถึงในอนิเมะญี่ปุ่น
มะฮิโตะสึโอนิ (Mahitotsu Oni)
 
หรือที่เรียกว่า "โอนิแห่งหมู่บ้านอาโยะ (Ayo no Sato)" ปรากฏใน อิซึโมะโนะคุนิ ฟูโดกิ (Izumo no Kuni Fudoki) ในยุคนารา (ศตวรรษที่ 8) และถือเป็นโอนิที่เก่าแก่ที่สุดที่บันทึกไว้ในเอกสารของญี่ปุ่น มีลักษณะเด่นคือมีดวงตาขนาดใหญ่เพียงดวงเดียวอยู่กลางหน้าผาก
โกะซุ (Go-zu) และ เมะซุ (Me-zu)
 
 
ในพุทธศาสนา โกซุและเมซุเป็นหัวหน้าผู้คุมวิญญาณในนรกที่ลงโทษคนชั่ว โกซุมีหัวเป็นวัว ส่วนเมซุมีหัวเป็นม้า
คิโจ (Kijo)
 
ผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์หรือใบหน้าเหมือนโอนิ มีหลายตำนานที่กล่าวถึงผู้หญิงที่กลายร่างเป็นโอนิจากความริษยา ความแค้น หรือความเศร้า เช่น ฮาชิฮิเมะ (Hashihime) หญิงสาวชนชั้นสูงที่คลั่งแค้นจากความอิจฉา, โมมิจิ (Momiji) ตำนานโอนิหญิงจากโทกาคุชิ จังหวัดนางาโนะ, และ คิโยฮิเมะ (Kiyohime) ที่กลายเป็นโอนิจากความแค้นที่ถูกผู้ชายหลอกลวง เรื่องราวของพวกเขามักมีภูมิหลังและอดีตในฐานะมนุษย์ และเป็นหัวข้อที่ถูกนำมาใช้ในการแสดงโนและคาบูกิ
เฮียกคิ ยากโย (Hyakki Yako / Hyakki Gyogyo)
 
คือการเดินขบวนของเหล่าโอนิและโยไค (ปีศาจ) ที่เคลื่อนขบวนไปตามท้องถนนในยามค่ำคืน ซึ่งถูกวาดในหนังสือและม้วนภาพมากมายตั้งแต่สมัยเฮอัง (Heian) เป็นต้นมา ปัจจุบันมีการจัดกิจกรรม “เฮียกคิ ยากโย” ในหลายพื้นที่ รวมถึงเกียวโต
หากต้องการรู้จัก Hyakki Yako ให้มากขึ้น 👉ความลับของ Hyakki Yako? อีเวนต์ล่าสุดปี 2025 และเรื่องราวภูตผีญี่ปุ่น
ลักษณะของโอนิญี่ปุ่นและความแตกต่างจากโยไค
 
โอนิญี่ปุ่นแตกต่างจากปีศาจ (Devil) หรือสัตว์ประหลาด (Monster) ของตะวันตก ในที่นี้จะอธิบายถึงลักษณะพื้นฐานของโอนิ และความแตกต่างจากโยไค (Yokai)
ลักษณะของโอนิ
รูปร่าง : ส่วนใหญ่มักถูกวาดให้เป็นยักษ์ใหญ่กล้ามเนื้อ มักมีเขาหนึ่งหรือสองเขา มีเขี้ยวแหลมคม โดยมีภาพลักษณ์ทั่วไปคือ สวมกางเกงหนังเสือ และถือกระบองเหล็ก
ที่มา : ในอดีต สิ่งที่มองไม่เห็นหรือไม่สามารถอธิบายได้จะถูกเรียกว่า “Onu” และเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของโรคระบาดหรือภัยพิบัติต่าง ๆ ในช่วงศตวรรษที่ 12 สมัยคามาคุระและมุโรมาจิ ยักษ์เริ่มปรากฏในหนังสือและภาพวาดมากขึ้น และต่อมาในสมัยเอโดะก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปะการแสดงอย่างโนห์ เคียวเก็น คาบูกิ และโจรุริ จนภาพลักษณ์ของยักษ์ฝังแน่นในสังคมญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศ “อุชิโทระ” ถูกเรียกว่า “คิมง (Kimon)” ซึ่งเชื่อว่าเป็นทิศอัปมงคลที่ยักษ์จะเดินทางเข้าออก จึงมีภาพลักษณ์ว่ายักษ์จะมีเขาวัวและใส่หนังเสือ
ความแตกต่างระหว่างงโอนิกับโยไค
โยไค (Yokai) หมายถึงปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจ หรือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาโดยทั่วไป ซึ่งบางมุมมองก็จัดให้โอนิเป็นส่วนหนึ่งของโยไคด้วย
นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า โอนิ เป็นสัญลักษณ์ของ “กายภาพและพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง” ส่วน โยไค เป็นสัญลักษณ์ของ “ปรากฏการณ์และความแปลกประหลาด”
“โอนิ” ที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวัน
โอนิไม่ได้มีแค่ในตำนานเท่านั้น แต่ยังฝังรากลึกอยู่ในวิถีชีวิตและภาษาของคนญี่ปุ่นในปัจจุบันด้วย
คำที่มีคำว่า “โอนิ”
คำว่า “โอนิ” ถูกใช้เป็นคำนำหน้าเพื่อเน้นความหมายว่า “แข็งแกร่ง” “สุดขีด” “อย่างเต็มที่”
- โอนิ โค้ช : โค้ชที่เข้มงวดมาก สอนอย่างไม่ประนีประนอม
- โอนิยเมะ (Oniyome) : ภรรยาที่เข้มงวดกับสามีมาก บางครั้งก็เป็นการแสดงความรักในอีกแง่มุมหนึ่ง
- โอนิ นิ คานาโบ (Oni ni Kanabo) : “ยักษ์ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ยังได้อาวุธทรงพลังอย่างกระบองเหล็ก” หมายถึง คนที่แข็งแกร่งอยู่แล้วได้รับพลังเพิ่มขึ้นจนไร้เทียมทาน
- โอนิเด็น (Oniden) : การโทรศัพท์ซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องจนกว่าอีกฝ่ายจะรับ หมายถึง “โทรศัพท์อย่างบ้าคลั่งราวกับโอนิ” เป็นคำที่ค่อนข้างใหม่ มีต้นกำเนิดมาจากภาษาวัยรุ่น (Gyaru-go) ที่นิยมในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ถึงต้นทศวรรษ 2000
ประเพณีประจำปีที่มีโอนิ
 
- เซ็ตสึบุน (Setsubun) : เทศกาลดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่จัดขึ้นทุกวันที่ 2 หรือ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการโปรยถั่วพร้อมตะโกนว่า “ยักษ์ออกไป! โชคดีเข้ามา!” เพื่อขับไล่ยักษ์ (สิ่งชั่วร้าย) ออกจากบ้าน เป็นโอกาสที่ได้สัมผัสวัฒนธรรมการขับไล่ยักษ์ในยุคปัจจุบัน
- เทศกาล : ในเทศกาลต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่น จะมีตัวแทนเทพเจ้าสวมหน้ากากยักษ์เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย หรือบางครั้งก็ปรากฏตัวในฐานะผู้ส่งสารของเทพเจ้า
หากต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับเซ็ตสึบุนเพิ่มเติม 👉อธิบายต้นกำเนิดและประวัติของเซ็ตสึบุน รวมถึงพิธีโปรยถั่วและเอะโฮมากิอย่างละเอียด
ชื่อสถานที่ที่มีคำว่า "โอนิ"
มีหลายสถานที่ที่มีตำนานเกี่ยวกับโอนิเป็นที่มาของชื่อสถานที่ และยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวอีกด้วย
- โอนิ โอชิดาชิ เอ็น (Onioshidashi-en): จังหวัดกุนมะ・จังหวัดนากาโนะ ลาวาที่ไหลออกมาจากการปะทุของภูเขาไฟดูเหมือนกับว่าโอนิกำลังอาละวาดและผลักหินออกมา จึงเป็นที่มาของชื่อสถานที่นี้ เป็นสถานที่ที่เปรียบเทียบพลังของธรรมชาติกับพลังของโอนิ
- โอนิกะชิมะ (Onigashima): เกาะในจังหวัดโอกายามะและจังหวัดคางาวะ เป็นต้น ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นโอนิกะชิมะในตำนานโมโมทาโร่
- คินาซะ (Kinasa): พื้นที่ลึกเข้าไปในภูเขาของโทกาคุชิ จังหวัดนางาโนะ เป็นสถานที่ที่มีตำนานของโอนิหญิงโมมิจิหลงเหลืออยู่ สามารถเพลิดเพลินกับน้ำพุร้อนและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงได้
เหตุใดคนญี่ปุ่นจึงหลงใหลใน “โอนิ”?
ทำไมโอนิจึงยังคงถูกนำเสนอซ้ำๆ ในความบันเทิงของญี่ปุ่นและดึงดูดใจเราอย่างต่อเนื่อง?
อาจเป็นเพราะ “โอนิ” ของญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเพียงแค่ความชั่วร้าย แต่เป็นตัวตนที่รวบรวมขีดสุดของอารมณ์มนุษย์และเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ
เช่นเดียวกับโอนิใน Demon Slayer ที่กลายเป็นปีศาจด้วยอารมณ์รุนแรงต่างๆ เช่น ความอิจฉา ความเศร้า และความโกรธ หรือบางตัวก็แสดงอารมณ์หลากหลายออกมาอย่างเต็มที่
ขอเชิญคุณเข้าสู่โลกแห่งโอนิที่ลึกซึ้งของญี่ปุ่น ซึ่งคุณได้รู้จักผ่าน Demon Slayer ลองสำรวจเพิ่มเติมผ่านการเดินทางและการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น เสน่ห์อันหลากหลายของโอนิจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมญี่ปุ่นของคุณให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เอกสารอ้างอิง:
Seigensha, กำกับโดย Yagi Tooru, "Nihon no Oni Zukan", พิมพ์ครั้งแรก 28 ธันวาคม 2021
Tokyo-do Shuppan, กำกับโดย Komatsu Kazuhiko, "Nihon Kaii Youkai Daijiten Fukyuuban", พิมพ์ครั้งแรก 30 มกราคม 2025
ArtWiki, Ritsumeikan University Art Research Center "การยอมรับและการเปลี่ยนแปลงของ Ibaraki Douji"
 
                             
        
     
         
         
         
         
         
        
Comments