ประเทศญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความท้าทายจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการขาดแคลนแรงงาน เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ การแก้ไขกฎหมายและระบบจึงเกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนตั้งแต่ปี 2024 ถึง 2027 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปลี่ยนแปลงในระบบปลอดภาษี (Duty-Free), การเพิ่มความเข้มงวดของบทลงโทษสำหรับจักรยาน, และการปรับปรุงข้อกำหนดสำหรับสถานะการพำนัก (Visa/Residence Status) คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่คุณไม่ควรพลาด บทความนี้จะอธิบายหัวข้อสำคัญที่นักท่องเที่ยวและผู้พำนักระยะยาวชาวต่างชาติต้องรู้ พร้อมตารางเวลาล่าสุด
【สำหรับนักท่องเที่ยว/ผู้พำนักระยะสั้น】การเปลี่ยนแปลงด้านภาษีและการจราจร
กฎที่เกี่ยวข้องกับเงินและการเดินทางระหว่างการท่องเที่ยวจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การปลอดภาษี" และ "การฝ่าฝืนกฎจราจร" ซึ่งกฎเดิมอาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป โปรดระมัดระวังเป็นพิเศษ
1. ระบบปลอดภาษีจะเปลี่ยนเป็น "การคืนเงิน ณ สนามบิน (Refund System)" (เริ่มใช้: พ.ย. 2026~)
เดิมที นักท่องเที่ยวสามารถแสดงหนังสือเดินทาง (Passport) เพื่อซื้อสินค้าโดยหักส่วนลดภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% ณ จุดซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีของญี่ปุ่นได้ทันที อย่างไรก็ตาม มีการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนไปใช้ "ระบบคืนเงิน (Refund System)" ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป (บางรายงานระบุว่าภายในปีงบประมาณ 2025)
ที่มาและวัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันกรณีการนำสินค้าปลอดภาษีไปขายต่อหรือบริโภคอย่างผิดกฎหมายภายในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถยืนยันสินค้าจริงที่ศุลกากรได้อย่างแน่นอน
【สำคัญ】ผลกระทบและข้อควรระวังสำหรับชาวต่างชาติ
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่เพิ่มขึ้น: คุณจะต้องชำระเงินเต็มจำนวนสำหรับการช้อปปิ้ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีเงินสดหรือวงเงินบัตรเครดิตที่เพียงพอ
การจัดการเวลาเมื่อเดินทางกลับ: เคาน์เตอร์คืนเงินที่สนามบินอาจมีความแออัด ดังนั้นการไปถึงสนามบินก่อนเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญ
💡 คำแนะนำจาก FUN! JAPAN
หากคืนเงินเป็นเงินสดเยน อาจทำให้มีเงินเยนเหลือก่อนเดินทางกลับ ควรติดตามข้อมูลล่าสุด เช่น การคืนเงินผ่านบัตรเครดิตได้หรือไม่
2. การใช้ "ใบสั่งสีฟ้า (Blue Ticket)" สำหรับจักรยาน: ค่าปรับสำหรับการฝ่าฝืนกฎจราจร (เริ่มใช้: เม.ย. 2026~)
แม้ว่าจักรยานจะสามารถเช่าและใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย แต่ญี่ปุ่นมีกฎจราจรที่เข้มงวดมาก ตั้งแต่เดือนเมษายน 2026 เป็นต้นไป จะมีการนำระบบ "ใบสั่งสีฟ้า (Blue Ticket)" มาใช้ ซึ่งจะกำหนดให้ผู้ขับขี่จักรยานที่ฝ่าฝืนกฎ เช่น ฝ่าไฟแดง หรือไม่หยุดเมื่อมีป้ายหยุดชั่วคราว ต้องจ่าย ค่าปรับ (Penalty) ซึ่งเดิมอาจจบลงด้วยการตักเตือนเท่านั้น
การขับขี่ขณะมึนเมาและการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ (Nagara-Sumaho) ได้รับการลงโทษที่รุนแรงอยู่แล้ว (ใบสั่งสีแดง/โทษทางอาญา)
ที่มาและวัตถุประสงค์
เพื่อลดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับจักรยานที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายต่อการฝ่าฝืน เช่น การฝ่าไฟแดง
【สำคัญ】ผลกระทบและข้อควรระวังสำหรับชาวต่างชาติ
ห้ามขับขี่บนทางเท้าโดยหลักการ: โดยหลักการแล้ว จะต้องขับขี่ทาง ด้านซ้ายของถนน และไม่สามารถขับขี่บนทางเท้าได้เว้นแต่จะมีป้ายอนุญาต
💡 คำแนะนำจาก FUN! JAPAN
ญี่ปุ่นคือ "ขับชิดซ้าย" ผู้ที่มาจากประเทศที่ขับชิดขวา (เช่น ไต้หวัน เกาหลี จีน เวียดนาม ฯลฯ) ควรระมัดระวังเป็นพิเศษไม่ให้ขับสวนทางโดยไม่รู้ตัว
3. การเปลี่ยนใบขับขี่จากต่างประเทศเข้มงวดขึ้น: ต้องมีการลงทะเบียนที่อยู่ (เริ่มใช้: ต.ค. 2025~)
ความยากในการเปลี่ยนใบขับขี่จากต่างประเทศมาเป็นใบขับขี่ญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้น โดย การลงทะเบียนที่อยู่ (Residence Registration) ในญี่ปุ่น (มีบัตรประจำตัวผู้พำนัก/Zairyu Card) เป็นข้อกำหนดที่จำเป็น นอกจากนี้ เกณฑ์การตรวจสอบความรู้และทักษะก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ที่มาและวัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการขาดความรู้เกี่ยวกับกฎจราจรของญี่ปุ่น และเพื่อป้องกันการขอใบขับขี่โดยมิชอบโดยนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น
【สำคัญ】ผลกระทบและมาตรการต่อชาวต่างชาติ
การขับรถของนักท่องเที่ยว: ผู้พำนักระยะสั้นไม่สามารถเปลี่ยนใบขับขี่จากต่างประเทศได้ โปรดใช้ ใบขับขี่สากล (International Driving Permit) ที่ออกโดยประเทศสมาชิกอนุสัญญาเจนีวา
💡 คำแนะนำจาก FUN! JAPAN
ใบขับขี่สากลที่ออกโดยประเทศที่ไม่ใช่ภาคีอนุสัญญาเจนีวา (เช่น จีน เวียดนาม ฯลฯ) ไม่สามารถใช้ขับรถในญี่ปุ่นได้
【สำหรับผู้พำนัก/ผู้ทำงาน/ผู้ประกอบการ】การเปลี่ยนแปลงด้านวีซ่าและสถานะการพำนัก
มีการแก้ไขที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออาชีพและใบอนุญาตการพำนักสำหรับชาวต่างชาติที่ทำงานหรือประกอบธุรกิจในญี่ปุ่น
1. ยกเลิกระบบฝึกงานทางเทคนิค (Skills Technical Training), เปลี่ยนเป็น "ระบบการจ้างงานเพื่อการพัฒนา (Ikusei Shuro)" และสามารถเปลี่ยนงานได้ (เริ่มใช้: เม.ย. 2027~)
ระบบฝึกงานทางเทคนิค (Ginou Jisshu System) ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาเป็นเวลานานจะถูกยกเลิก และ "ระบบการจ้างงานเพื่อการพัฒนา (Ikusei Shuro System)" ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อการพัฒนาและรักษาบุคลากร จะเริ่มใช้งานตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป
ระบบใหม่มีเป้าหมายในการพัฒนาบุคลากรให้มีมาตรฐาน "ทักษะเฉพาะด้าน 1 (Specified Skilled Worker No. 1)" ภายใน 3 ปี โดยจะอนุญาตให้ เปลี่ยนงาน (Job Transfer) ตามความประสงค์ของผู้ปฏิบัติงานภายใต้เงื่อนไขบางประการ (เช่น ในสายงานเดียวกัน)
ที่มาและวัตถุประสงค์
เพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในระบบฝึกงานทางเทคนิคแบบเดิม เช่น ค่าจ้างต่ำ ชั่วโมงทำงานยาวนาน หรือความรุนแรงจากนายจ้าง พร้อมทั้งเปลี่ยนวัตถุประสงค์จาก "การมีส่วนร่วมในระดับนานาชาติ" ไปสู่ "การพัฒนาและการรักษาบุคลากร" เพื่อให้แรงงานได้รับการดูแลในสภาพแวดล้อมที่เป็นมนุษย์มากขึ้น
【สำคัญ】ผลกระทบและมาตรการต่อชาวต่างชาติ
อิสระในการเปลี่ยนงาน: การเปลี่ยนงาน (Job Transfer) ซึ่งเดิมถูกห้ามโดยหลักการ จะได้รับอนุญาตภายใต้เงื่อนไขบางประการ สิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เหมาะสมและเลือกสถานที่ทำงานที่ดีขึ้นได้
ข้อควรระวังโบรกเกอร์ที่ทุจริต: เนื่องจากมีการเปิดเสรีในการเปลี่ยนงาน โปรดระมัดระวังโบรกเกอร์ที่อาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูง
💡 คำแนะนำจาก FUN! JAPAN
การเปลี่ยนไปสู่ทักษะเฉพาะทางจะง่ายขึ้น และในอนาคตจะมีโอกาสขอถิ่นที่อยู่ถาวรได้มากขึ้น
2. การตรวจสอบวีซ่าผู้ประกอบการ/นักลงทุน (Business Manager Visa) เข้มงวดขึ้น: การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในข้อกำหนดด้านเงินทุนและอื่นๆ (เริ่มใช้: ต.ค. 2025~)
เกณฑ์การตรวจสอบสำหรับ "วีซ่าผู้ประกอบการ/นักลงทุน (Business Manager Visa)" สำหรับผู้จัดการชาวต่างชาติได้รับการยกระดับขึ้นอย่างมาก เงินทุนที่จำเป็น จะถูกเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 5 ล้านเยน เป็น 30 ล้านเยนขึ้นไป นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดให้ต้องมี ความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น (ระดับ B2 ขึ้นไป) หรือวุฒิการศึกษา/ประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้อง
ที่มาและวัตถุประสงค์
เพื่อขจัดผู้ที่ยื่นคำขอโดยมิชอบโดยมีเจตนาเพียงเพื่อขอสถานะการพำนัก โดยไม่มีความตั้งใจที่จะดำเนินธุรกิจจริง
【สำคัญ】ผลกระทบและมาตรการต่อชาวต่างชาติ
ระยะเวลาผ่อนผัน: สำหรับการต่ออายุสถานะการพำนักที่มีอยู่ จะมีระยะเวลาผ่อนผันจนถึงวันที่ 16 ตุลาคม 2028 ในช่วงระยะเวลาผ่อนผัน แม้จะไม่ตรงตามเกณฑ์ที่แก้ไขแล้ว การตัดสินจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางธุรกิจและความคาดหวังในการปฏิบัติตามเกณฑ์ที่แก้ไข
การพิสูจน์การดำเนินธุรกิจจริง: แผนธุรกิจและแผนการจัดหาเงินทุนจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด และความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น รวมถึงวุฒิการศึกษา/ประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องของผู้สมัครจะมีความสำคัญมากกว่าเดิม
💡 คำแนะนำจาก FUN! JAPAN
แผนธุรกิจต้องได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น ที่ปรึกษาธุรกิจ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต หรือผู้สอบบัญชีภาษี
3. การรวมบัตรประจำตัวผู้พำนัก (Zairyu Card) และบัตร My Number Card เข้าด้วยกัน (เริ่มใช้: 2026~2027)
เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนระบบราชการให้เป็นดิจิทัล บทบาทของบัตรจะเปลี่ยนไป บัตร My Number Card จะมีฟังก์ชันของบัตรประจำตัวผู้พำนัก (Zairyu Card) รวมอยู่ด้วย ทำให้สามารถดำเนินการทางราชการต่างๆ ได้ด้วยบัตรเพียงใบเดียว
ที่มาและวัตถุประสงค์
เพื่อรวมการจัดการการพำนักเข้ากับกระบวนการด้านภาษีและประกันสังคม และเพิ่มความสะดวกสบาย
【สำคัญ】ผลกระทบและมาตรการสำหรับชาวต่างชาติ
การจัดการอย่างเข้มงวด: แม้ว่าจะสะดวกสบายขึ้น แต่หากสูญหาย จะมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียทั้งหลักฐานสถานะการพำนักและข้อมูลส่วนบุคคล
💡 คำแนะนำจาก FUN! JAPAN
บัตร My Number Card จะมีอายุการใช้งานจนถึงวันหมดอายุของการพำนัก หลังจากนั้นต้องดำเนินการต่ออายุใหม่ นอกจากนี้ หากทำบัตรหาย จะส่งผลให้ข้อมูลสถานะการพำนักและข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลได้โดยตรง จึงต้องดูแลรักษาอย่างเข้มงวดมากกว่าที่เคย
【อื่น ๆ】ระบบใหม่ที่คุณควรทราบ
ขอแนะนำระบบใหม่ที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการท่องเที่ยวและทำธุรกิจอย่างมาก
การเริ่มใช้ "วีซ่า Digital Nomad" (Digital Nomad Visa): สามารถพำนักได้นานกว่าวีซ่านักท่องเที่ยว (เริ่มใช้: 2024~)
เริ่มมีการใช้งานสถานะการพำนัก "Digital Nomad" สำหรับวิศวกร IT และฟรีแลนซ์ ซึ่งสามารถพำนักได้นานสูงสุด 6 เดือน แม้ว่าจะต้องแสดงหลักฐานรายได้ต่อปี 10 ล้านเยนขึ้นไป แต่ก็สามารถทำงานจากระยะไกลได้นานกว่าวีซ่านักท่องเที่ยว (90 วัน)
การนำระบบ Pre-Clearance มาใช้เพื่อลดเวลารอตรวจคนเข้าเมือง (อยู่ระหว่างการพิจารณา)
เป็นระบบที่อนุญาตให้ดำเนินการตรวจคนเข้าเมืองเข้าญี่ปุ่นล่วงหน้าได้ที่สนามบินของประเทศต้นทาง มีการทดลองใช้กับไต้หวัน และกำลังมีการปรับกับสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้
หากระบบนี้ถูกนำมาใช้ เวลารอตรวจคนเข้าเมืองเมื่อเดินทางถึงญี่ปุ่นจะลดลงอย่างมาก
การอนุญาต "Japan Ride Share" เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแท็กซี่ (เริ่มใช้: มี.ค. 2024~)
เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแท็กซี่ ได้มีการอนุญาตให้มีการขนส่งผู้โดยสารโดยมีค่าตอบแทนโดยคนขับรถทั่วไป (Ride Share) ภายใต้การจัดการของผู้ประกอบการแท็กซี่ ในบางพื้นที่ เช่น โตเกียวและเกียวโต
ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากหน่วยงานราชการอย่างสม่ำเสมอ
กฎหมายเหล่านี้อาจมีการปรับปรุงรายละเอียดจนถึงนาทีสุดท้ายก่อนเริ่มใช้งาน อย่าเชื่อเพียงข่าวลือใน SNS โปรดตรวจสอบข้อมูลอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานต่างๆ เสมอ เช่น กระทรวงยุติธรรม (Ministry of Justice), สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (Immigration Services Agency), และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (National Police Agency) เพื่อให้การพำนักในญี่ปุ่นของคุณปลอดภัยและสะดวกสบาย
อ้างอิง:
- Review of the refund system for export goods stores/National Tax Agency
- About the revision of the Road Traffic Act (including blue tickets)/Metropolitan Police Department
- How to convert a foreign driver's license to a Japanese driver's license/Metropolitan Police Department
- Training employment system/Immigration Services Agency
- About the revision of the landing criteria ministerial ordinance, etc. related to the status of residence "Business/Management"/Immigration Services Agency
- Integration of Residence Card and My Number Card Q&A/Immigration Services Agency
- Status of residence "Designated Activities" (Digital Nomad (for those staying in Japan for international remote work, etc.) and their spouses/children)/Ministry of Justice
- Ensuring the acceptance system for entry and exit measures/Japan Tourism Agency
- Information related to Japan's Ride Share (private car utilization business)/Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism
Comments