
ที่ผ่านมา เราได้แนะนำอาหารอร่อย ขนมหวานที่มีเสน่ห์ ขนมปังหลากหลายประเภท รวมถึงกีฬาที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งมีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น และในครั้งนี้ เราขอแนะนำ “สิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจที่ถือกำเนิดในญี่ปุ่น” ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกอีกด้วย วัฒนธรรมเฉพาะตัวของญี่ปุ่นและความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ ได้นำไปสู่การถือกำเนิดของไอเดียอันแสนล้ำเหล่านี้ได้อย่างไร เราจะมาแนะนำเบื้องหลังและประวัติศาสตร์ของสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้กัน
* หากคุณซื้อหรือจองสินค้าที่แนะนำในบทความ รายได้ส่วนหนึ่งอาจคืนกลับมายัง FUN! JAPAN
สิ่งประดิษฐ์ระดับโลกที่สร้างโดยญี่ปุ่น
บะหมี่กึ่งสําเร็จรูป

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คือบะหมี่สำเร็จรูปที่สามารถรับประทานได้ง่าย ๆ เพียงแค่เทน้ำร้อนใส่ หรือ ต้มในหม้อเท่านั้น ไม่เพียงแต่ราเม็งเท่านั้น ยังมีอุด้ง โซบะ ยากิโซบะ วุ้นเส้น ฯลฯ มีหลากหลายเมนูให้เลือก จึงไม่เบื่อง่าย และเพลิดเพลินกับรสชาติที่แตกต่างได้ เนื่องจากสามารถรับประทานได้ง่าย จึงถูกนำมารับประทานในหลาย ๆ สถานการณ์ เช่น เมื่อไม่มีเวลาเตรียมอาหาร เมื่ออยากกินอาหารแบบรวดเร็ว หรือเป็นอาหารว่างของเด็ก ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติในการเก็บรักษาได้นาน จึงเป็นหนึ่งในอาหารฉุกเฉินที่ขาดไม่ได้
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ได้รับความรักจากคนทั่วโลกในปัจจุบันนั้น มีจุดเริ่มต้นจาก “ชิกเก้นราเม็ง” ที่พัฒนาโดย อันโด โมโมฟุกุ (安藤百福) ชาวญี่ปุ่น และวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1958 ในช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นประสบปัญหา ขาดแคลนอาหารหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 อันโดได้เห็นภาพผู้คนต่อแถวยาวเพื่อซื้อราเม็งที่รถเข็น จึงเริ่มต้นพัฒนา “ราเม็งที่สามารถรับประทานได้ง่ายที่บ้าน” ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ จะทำให้เส้นแห้งได้อย่างไร วันหนึ่ง เขาเห็นภรรยากำลังทอดเทมปุระ จึงได้ไอเดียจากการที่น้ำจะหายไปเมื่อนำไปทอดในน้ำมัน เขาจึงคิดค้นวิธีการทำเส้นให้แห้งด้วยการทอดในน้ำมันขึ้นมา ราเม็งรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน “ชิกเก้นราเม็ง” จึงถือกำเนิดขึ้น
ในปี ค.ศ. 1958 “ชิกเก้นราเม็ง” ได้ถูกวางจำหน่ายโดยบริษัทนิชชินฟู้ดส์ ด้วยความสะดวกและความอร่อย จึงแพร่หลายในทั่วประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้น ก็มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลากหลายชนิดเกิดขึ้นตามมา และในปี ค.ศ. 1971 ก็ได้มีการเปิดตัว “คัพนูดเดิล” ซึ่งเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยเป็นครั้งแรกของโลก ในปี ค.ศ. 2005 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนี้ ยังถูกนำไปใช้เป็นอาหารอวกาศเป็นครั้งแรกของโลกอีกด้วย จึงยิ่งขยายขอบเขตของการใช้งานมากยิ่งขึ้น จากข้อมูลของสมาคมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโลก (https://instantnoodles.org/noodles/demand/trivia/) ในปี 2024 ประเทศญี่ปุ่นผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ถึง 5.9 พันล้านซอง และถูกส่งออกไปยังทั่วโลก โดยมีการวางขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับให้เข้ากับรสนิยมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ
💡คำแนะนำจากบรรณาธิการ FUN! JAPAN
ที่ “พิพิธภัณฑ์คัพนูดเดิล (Ando Momofuku Memorial Museum)” เมืองอิเคดะ จังหวัดโอซาก้า คุณสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ ภายในนิทรรศการ มี “อุโมงค์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์มากมายอย่างน่าประทับใจ รับรองว่าทั้งแปลกใจและประทับใจแน่นอน! คุณจะได้สัมผัสถึงความตั้งใจในการพัฒนาบะหมี่ ที่ทั้งอร่อย สะอาด ปลอดภัย และสามารถเก็บได้นาน ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการพัฒนาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังสามารถทดลองสร้าง “คัพนูดเดิล” แบบออริจินัล โดยออกแบบลวดลายถ้วยเอง และเลือกซุปกับเครื่องปรุงที่ชอบเองได้ ขอแนะนำเป็นพิเศษ เพราะคุณจะได้คัพนูดเดิลที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก! เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่จัดตามลำดับก่อนหลัง จึงแนะนำให้มาถึงแต่เช้า หากต้องการร่วมกิจกรรม
🍜 เรียนรู้ประวัติศาสตร์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พร้อมทั้งได้ทดลองทำด้วยตัวเอง! 👉 พิพิธภัณฑ์คัพนูดเดิล เมืองอิเคดะ จังหวัดโอซาก้า (Ando Momofuku Memorial Museum)
🛒 ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่แนะนำจาก Yahoo! Shopping 👉 ได้ที่นี่
อาหารรีทอร์ท

อาหารรีทอร์ทที่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารรสชาติต้นตำรับได้ง่าย ๆ เพียงแค่อุ่นในน้ำร้อนทั้งซอง หรืออุ่นในไมโครเวฟนั้น เป็นสิ่งประดิษฐ์ของบริษัท Otsuka Shokuhin แห่งประเทศญี่ปุ่น ไม่เพียงช่วยเติมเต็มชีวิตการกินของคนยุคใหม่ที่มีวิถีชีวิตเร่งรีบให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่เพราะบรรจุอยู่ในถุงหรือภาชนะจึงสะดวกในการพกพา จึงถูกใช้งานอย่างแพร่ทั่วโลกทั้งเป็นอาหารสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งหรือในยามเกิดภัยพิบัติเพื่อให้สามารถรับประทานอาหารอุ่น ๆ ได้
อาหารรีทอร์ทคืออาหารที่ผ่านการปรุงแล้วบรรจุลงในถุงหรือภาชนะ แล้วผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยอุณหภูมิสูงและความดันสูง ทำให้สามารถเก็บไว้ได้นานที่อุณหภูมิห้อง ถือเป็นอาหารที่ล้ำสมัย บริษัท Otsuka Shokuhin ได้แรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีที่คิดค้นขึ้นในอเมริกาเมื่อปี 1958 เพื่อใช้เป็นเสบียงอาหารของทหาร
เริ่มต้นพัฒนาโดยมีแนวคิดว่า "แกงกะหรี่หนึ่งที่ ที่สามารถกินได้เพียงแค่อุ่นด้วยน้ำร้อน เป็นแกงที่ใครก็ทำพลาดไม่ได้" (ที่มา: อ้างอิงจากเว็บไซต์ของOtsuka Shokuhin – ประวัติของ Bon Curry)
หลังจากลองผิดลองถูกนานถึงประมาณ 4 ปี ในที่สุดก็พัฒนา “Bon Curry” ซึ่งเป็นอาหารรีทอร์ทตัวแรกของโลกสำเร็จและวางจำหน่ายในปี 1968 การค้นพบที่ทำให้สามารถรับประทานแกงกะหรี่อร่อย ๆ ได้เพียงแค่อุ่น 3 นาทีนี้ ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการอาหารอย่างยิ่งใหญ่ ช่วงแรกที่วางจำหน่าย อาหารรีทอร์ทมีอายุการเก็บรักษาในฤดูร้อน 2 เดือน และในฤดูหนาว 3 เดือน แต่ด้วยการนำถุงฟอยล์อะลูมิเนียมมาใช้ ทำให้สามารถเก็บได้นานประมาณ 2 ปี และยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถอุ่นในไมโครเวฟทั้งกล่องได้ ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก
เสน่ห์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาหารรีทอร์ทคือ สามารถเก็บรักษาได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น ปัจจุบันในญี่ปุ่นมีอาหารรีทอร์ทวางจำหน่ายมากกว่า 500 ชนิด ตั้งแต่อาหารหลักอย่างข้าวหรือโจ๊ก ซุปหรือมิโสะซุป กับข้าวอย่างแฮมเบิร์กหรือข้าวหน้าเนื้อต่าง ๆ สำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพก็มีสินค้าแบบลดเกลือหรือลดน้ำตาล รวมถึงสินค้าที่รองรับผู้ที่มีอาการแพ้อาหาร ตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลาย แม้ไม่ออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านก็สามารถลิ้มลองอาหารนานาชาติได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ แกงกะหรี่รีทอร์ทของญี่ปุ่นยังเป็นของฝากยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนญี่ปุ่นอีกด้วย ยังมีแกงกะหรี่ท้องถิ่นที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค ทำให้แกงกะหรี่รีทอร์ทมีความหลากหลายมาก สำหรับผู้ที่อยากเพลิดเพลินกับอาหารญี่ปุ่นแม้กลับประเทศแล้ว ขอแนะนำสินค้ารีทอร์ทอย่างข้าวหน้าเนื้อหรืออาหารญี่ปุ่นอื่น ๆ นอกจากนี้ สำหรับเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ ลองมอบสินค้ารีทอร์ทระดับพรีเมียมดูไหมล่ะ
💡คำแนะนำจากบรรณาธิการ FUN! JAPAN
ขอแนะนำเมนูดัดแปลงจากอาหารรีทอร์ท ที่ช่วยขยายเสน่ห์ของสินค้ารีทอร์ทให้กว้างยิ่งขึ้น เป็นเมนูที่ทำง่ายและเด็ก ๆ ก็ต้องชอบแน่นอน
กราแตงซอสมีตกับมันฝรั่ง
- สิ่งที่ต้องเตรียม: มันฝรั่ง, ซอสมีตสำหรับพาสต้าแบบรีทอร์ท, ชีสชนิดที่สามารถละลายได้
- (1) ปอกเปลือกมันฝรั่ง หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ แล้วห่อด้วยแรปหลวม ๆ แล้วนำเข้าไมโครเวฟให้สุก
- (2) วางซอสมีตสำหรับพาสต้าแบบรีทอร์ทลงบนมันฝรั่งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่(1) แล้วใส่ชีสละลายในปริมาณตามชอบ
- (3) นำเข้าเครื่องปิ้งอบไฟจนชีสมีสีเกรียม ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
โคร็อกเกะแกงกะหรี่
- สิ่งที่ต้องเตรียม: มันฝรั่ง, แกงกะหรี่แบบรีทอร์ท, แป้งขนมปังสำเร็จรูปทอดได้เลยของนิชชิน ไม่ต้องใช้แป้งสาลีหรือไข่
- (1) ปอกเปลือกมันฝรั่ง หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ แล้วห่อด้วยแรปหลวม ๆ นำเข้าไมโครเวฟจนมันฝรั่งนิ่ม จากนั้นบดให้ละเอียด
- (2) เติมแกงกะหรี่แบบรีทอร์ทลงไปในมันฝรั่งบดจากขั้นตอนที่(1) แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันดี ปั้นเป็นรูปทรงรี
- (3) คลุกแป้งขนมปังแบบทอดได้เลย จากนั้นทอดในกระทะที่ใส่น้ำมันเพียงเล็กน้อยจนเหลืองกรอบ
- (4) ราดซอสตามชอบก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
- ลองเปลี่ยนจากแกงกะหรี่รีทอร์ทเป็นครีมสตูว์หรือซอสมีตดู เพื่อสนุกกับรสชาติที่หลากหลายยิ่งขึ้น
🛒 ซื้อแกงกะหรี่แบบรีทอร์ทแนะนำได้ที่ Yahoo! Shopping👉 ที่นี่
จักรยานไฟฟ้าเสริมแรง

เมื่อต้องปั่นจักรยานขึ้นทางลาดชัน เมื่อขี่ทวนลมแรง ๆ หรือเมื่อมีของซื้อของหิ้วพะรุงพะรัง การปั่นจักรยานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยเช่นนี้เป็นเรื่องยากมาก แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีจักรยานที่สามารถวิ่งได้อย่างเบาสบาย นั่นคือ “จักรยานไฟฟ้าเสริมแรง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ในยุคเลี้ยงลูกของญี่ปุ่น จักรยานชนิดนี้ถือเป็นหนึ่งในวิธีการเดินทางที่จำเป็น
“จักรยานไฟฟ้าเสริมแรง” เป็นสิ่งประดิษฐ์ของบริษัทญี่ปุ่นที่ชื่อ Yamaha Motor Co., Ltd. โดยในเว็บไซต์ของ Yamaha Motor (https://global.yamaha-motor.com/jp/profile/business/pas) มีการแนะนำไว้ดังนี้
จักรยานไฟฟ้าเสริมแรง คือจักรยานที่มีระบบช่วยเสริมแรงการปั่นด้วยแบตเตอรี่และมอเตอร์ โดยบริษัทของเราได้พัฒนาและออกวางจำหน่าย “PAS (พาส)” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แรกของโลกในปี 1993
* ชื่อผลิตภัณฑ์มาจากตัวย่อของ Power Assist System (ระบบช่วยเสริมแรง)
ในญี่ปุ่น ก่อนการถือกำเนิดของจักรยานไฟฟ้าเสริมแรง ช่วงทศวรรษ 1960 มีจักรยานที่เรียกว่า “จักรยานแม่บ้าน (Mamachari)” ซึ่งเป็นจักรยานที่ออกแบบให้ผู้หญิงใช้งานได้ง่ายในชีวิตประจำวันอยู่ก่อนแล้ว จักรยานไฟฟ้าเสริมแรงคือการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของ “จักรยานแม่บ้าน (Mamachari)” กับเทคโนโลยีไฟฟ้าเสริมแรง หากมอเตอร์มีแรงมากเกินไป จะไม่ถือว่าเป็น “จักรยาน” แต่จะกลายเป็น “มอเตอร์ไซค์” ซึ่งต้องมีใบขับขี่ ดังนั้นในตอนที่มีการพัฒนา ผู้รับผิดชอบจึงต้องอธิบายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นจักรยาน และสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนา “จักรยานไฟฟ้าเสริมแรง” ที่ไม่ต้องใช้ใบขับขี่เป็นครั้งแรกของโลก ด้วยสิ่งประดิษฐ์นี้ ไม่เพียงแค่ทำให้การรับส่งเด็กและการขึ้นเนินง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นพาหนะที่ไม่ปล่อยมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และได้รับความนิยมในกลุ่มคนหลากหลายวัย
แม้ราคาจะสูงถึงกว่า 140,000 เยน แต่ก็กลายเป็นสินค้าฮิตในญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น บริษัทอื่น ๆ ก็เริ่มผลิตจักรยานไฟฟ้าเสริมแรง และมีการพัฒนาเพื่อให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน มีให้เลือกหลายสี มีทั้งรุ่นที่เหมาะกับการพาเด็กไปด้วย รุ่นเบา ๆ ที่เหมาะกับการไปเรียนหรือไปทำงาน และรุ่นสไตล์สปอร์ตที่เหมาะกับการเดินทางไกล ในช่วงโควิด-19 คนที่เลือกซื้อจักรยานไฟฟ้าเสริมแรงเพื่อใช้เดินทางไปทำงานหรือเรียนหนังสือก็เพิ่มมากขึ้น เพราะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยกว่าการใช้ขนส่งสาธารณะ อีกทั้งยังได้รับความนิยมในฐานะอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งหรือปั่นจักรยานเพื่อแก้ปัญหาขาดการออกกำลังกาย
ปัจจุบัน มีฟังก์ชันที่สะดวกมากขึ้น เช่น “โหมดช่วยเดินเข็น” ที่ช่วยให้เข็นจักรยานที่หนักขณะมีเด็กนั่งอยู่ได้ง่าย และรุ่นที่มีฟังก์ชัน “Keyless” ที่แค่ใส่กุญแจอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในกระเป๋า ก็สามารถปลดล็อคได้โดยไม่ต้องเอากุญแจออกมา ซึ่งมีจำหน่ายจาก Panasonic ทำให้ชีวิตสะดวกสบายยิ่งขึ้น จักรยานไฟฟ้าเสริมแรงยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะมีผลิตภัณฑ์แบบไหนเกิดขึ้นอีกต่อไปในอนาคต น่าจับตามองอย่างยิ่ง
ฝารองนั่งน้ำอุ่นอัตโนมัติ

สิ่งหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือนญี่ปุ่นคือความสะดวกสบายของห้องน้ำ เราได้ยินเสียงตอบรับที่กล่าวว่า “ทั้งสว่าง สะอาด และมีฟังก์ชันหลากหลาย” และ “ทั้งที่สะดวกขนาดนี้แต่ใช้ฟรี” เป็นสิ่งที่น่าประทับใจ
ฝารองนั่งน้ำอุ่นอัตโนมัติที่ให้ความสบายในห้องน้ำแบบนี้ ปัจจุบันมีใช้งานอย่างแพร่หลายในบ้านเรือนและสถานที่สาธารณะในญี่ปุ่น แต่เดิม ในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 17 ถึง 18 มีอุปกรณ์ที่เรียกว่า “โถชำระ” และในศตวรรษที่ 20 ก็มีการพัฒนาอุปกรณ์ชำระล้างด้วยน้ำอุ่นเพื่อการแพทย์ในอเมริกาและสวิตเซอร์แลนด์
ในช่วงทศวรรษ 1960 มีการนำเข้าเครื่องชำระล้างแบบการแพทย์มายังญี่ปุ่น แต่ยังไม่สบายในการใช้งาน ในปี 1980 บริษัท โตโต้ (TOTO หรือชื่อเดิม 東陶機器) ได้พัฒนา “ウォッシュレット®” (Washlet) ขึ้นหลังจากทำการวิจัยและทดลองมานาน จากการทดสอบเพิ่มอุณหภูมิน้ำทีละ 0.1 องศา พบว่า 38 องศาเซลเซียสเป็นอุณหภูมิที่รู้สึกสบายที่สุด และมุมของการฉีดน้ำที่เหมาะสมคือ 43 องศาสำหรับก้น และ 53 องศาสำหรับโถชำระ การควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่สบาย และการกำหนดมุมฉีดน้ำที่เหมาะสม ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการยอมรับให้ใช้งานในครัวเรือน และปัจจุบันมีใช้อย่างแพร่หลายในบ้านเรือนทั่วไปในญี่ปุ่น เสน่ห์ของ “ウォッシュレット®” คือสามารถปรับระดับความแรง ตำแหน่ง และอุณหภูมิของการชำระล้างได้ มีฝารองที่เปิดปิดโดยอัตโนมัติด้วยเซ็นเซอร์ และที่นั่งรองนั่งที่อุ่นอยู่เสมอ อีกทั้งยังรองรับฟังก์ชันประหยัดน้ำและไฟ นอกจากนี้ ยังออกแบบให้ดูหรูหราทันสมัย มีฟังก์ชันทำความสะอาดอัตโนมัติอีกด้วย “ウォッシュレット®” เปลี่ยนภาพลักษณ์ของห้องน้ำที่เคยดูมืดและน่ากลัวให้กลายเป็นสถานที่ที่สว่างและสบายตา ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณการต้อนรับแบบญี่ปุ่น
💡คำแนะนำจากบรรณาธิการ FUN! JAPAN
ทัวร์ยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ “THE TOKYO TOILET SHUTTLE TOUR” เป็นทัวร์ที่พาไปเยี่ยมชม 17 ห้องน้ำที่ติดตั้งอยู่ในสวนสาธารณะและพื้นที่ต่าง ๆ ภายในเขตชิบุยะ โตเกียว เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ห้องน้ำกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ ก็คงมีแต่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น
👉THE TOKYO TOILET SHUTTLE TOUR
ถุงให้ความร้อนแบบใช้แล้วทิ้ง

"ถุงให้ความร้อนแบบใช้แล้วทิ้ง" ก็เป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่ถือกำเนิดขึ้นในญี่ปุ่น และขาดไม่ได้ในการรับมือกับความหนาวในฤดูหนาว สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อ เพียงแค่นำออกจากถุงแล้วเขย่า ก็จะเกิดความร้อนขึ้น จึงสามารถให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้อย่างปลอดภัยและสะดวก เป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมาก ไม่ว่าจะในกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การชมกีฬา การปีนเขาในฤดูหนาว หรือแม้แต่ในยามเกิดภัยพิบัติ
ต้นกำเนิดของ "ถุงให้ความร้อน" คือ "หินอุ่น (温石/おんじゃく)" ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยเฮอันจนถึงสมัยเอโดะ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้การอุ่นหินแล้วนำมาใส่ไว้ในอกเสื้อเพื่อให้ความอบอุ่น ถุงให้ความร้อนใช้แล้วทิ้งในปัจจุบันนั้นถูกทำให้เป็นผลิตภัณฑ์เมื่อปี ค.ศ.1978 โดย Lotte Electronics Industry (ปัจจุบันคือ Lotte) ร่วมมือกับ Nippon Jun-Suiso (ปัจจุบันคือ Air Water Mechatronics) สิ่งที่ปฏิวัติวงการคือ ถุงนี้ไม่มีกลิ่น และไม่ใช้เปลวไฟ จึงสามารถให้ความร้อนได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ LOTTE GROUP (https://lotte-shop.jp/shop/e/ehokaron/#history_) ได้แนะนำถึงที่มาของชื่อ "Hokaron" ไว้ดังนี้
เนื่องจากช่องทางการจำหน่ายหลักคือร้านขายยาและร้านขายเวชภัณฑ์ จึงได้แรงบันดาลใจจากคำลงท้ายของชื่อสินค้าประเภทยา ซึ่งมักลงท้ายด้วย “-ron” จึงตั้งชื่อว่า ‘Hokaron’
💡คำแนะนำจากบรรณาธิการ FUN! JAPAN
ถุงให้ความร้อนใช้แล้วทิ้งเป็นไอเทมที่ทำให้การใช้ชีวิตในฤดูหนาวสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่เพียงในประเทศญี่ปุ่น แต่ยังถูกส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มีทั้งชนิดติดและไม่ติด (貼るタイプと貼らないタイプ) โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีอาการมือเท้าเย็น ชนิดที่สามารถติดบริเวณปลายเท้าในถุงเท้าก็เป็นที่แนะนำ และหากรู้สึกหนาวทั้งตัว การติดที่บริเวณท้องก็สามารถสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่รู้สึกหนาวจากแอร์ในฤดูร้อน ก็มีถุงให้ความร้อนสำหรับป้องกันความเย็นที่เหมาะใช้ในฤดูร้อนวางจำหน่ายเช่นกัน
🛒 ซื้อถุงให้ความร้อนใช้แล้วทิ้งที่ Yahoo! Shopping 👉ที่นี่
นอกจากนี้ยังมีสิ่งประดิษฐ์ต้นกำเนิดจากญี่ปุ่นอีกมากมาย เช่น ตัวอย่างอาหารจำลอง หรือเครื่องเขียน เป็นต้น ล้วนเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นสามารถภาคภูมิใจนำเสนอให้กับโลก ขอให้คุณลองหันไปให้ความสนใจสิ่งของที่อยู่รอบตัวว่า "เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น" หรือไม่ เชื่อว่าในแต่ละชิ้นนั้น คุณจะสามารถสัมผัสได้ถึง "ความเอาใจใส่แบบญี่ปุ่น (おもてなしの心)" และความหลงใหลในการผลิตสิ่งของเพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น
<เอกสารอ้างอิง>
- หนังสือ “สิ่งประดิษฐ์ของญี่ปุ่นสุดเจ๋ง 30 รายการที่เปลี่ยนโลก!” กำกับดูแลโดย รูธ มารี เจอร์แมน, ปี 2025, รวมทั้งสิ้น 96 หน้า, จัดพิมพ์โดยบริษัท Gakken
- หนังสือ “สารานุกรมงานฝีมือญี่ปุ่นอันน่าภาคภูมิใจระดับโลก”, ปี 2014, รวม 149 หน้า, จัดพิมพ์โดยบริษัท Kin-no-Hoshisha
- หนังสือ “สารานุกรมสิ่งประดิษฐ์และความช่างคิดของญี่ปุ่น”, ปี 2014, จัดพิมพ์โดยบริษัท Iwasaki Shoten
<เว็บไซต์อ้างอิง>
- นิสชินชิกเก้นราเม็งHP:: https://www.chickenramen.jp/
- พิพิธภัณฑ์คัพนู้ดเดิ้ล สาขาโอซาก้า อิเคดะ HP: https://www.cupnoodles-museum.jp/ja/osaka_ikeda/
- Otsuka Shokuhin HP: https://www.otsukafoods.co.jp/
- บริษัท ยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด HP: https://global.yamaha-motor.com/jp/
- บริษัท โตโต้ จำกัด HP: https://jp.toto.com/
- “100 สิ่งประดิษฐ์เปลี่ยนญี่ปุ่นหลังสงคราม” โดยสมาคมส่งเสริมสิ่งประดิษฐ์ (องค์กรสาธารณประโยชน์): https://koueki.jiii.or.jp/innovation100/innovation_detail.php?eid=00018&age=topten&page=kaihatsu
Comments