มารู้จักกับเครื่องปรุงญี่ปุ่นกันเถอะ [เหล้าปรุงอาหารและน้ำส้มสายชู]

พูดถึงเครื่องปรุงอาหารญี่ปุ่นก็มีเครื่องปรุงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นซีอิ๊วหรือเต้าเจี้ยวมิโสะ นำมาปรุงอาหารหลายอย่าง เช่น ซูชิ สุกี้ยากี้ โซบะ อุด้ง เป็นต้น วันนี้เราจะมาแนะนำเครื่องปรุงอีกสองอย่างที่ขาดไม่ได้ในการทำอาหารญี่ปุ่นเช่นกัน นั่นก็คือ เหล้าปรุงอาหารและน้ำส้มสายชู

เหล้าปรุงอาหาร ให้อาหารมีความเข้มข้นและดึงรสชาติอาหาร

เหล้าสำหรับปรุงอาหารหรือที่เรียกว่า “เรียวริชุ” จะต่างกับเหล้าญี่ปุ่นทั่วไปที่เรียกกันว่า “สาเก” เหล้าสำหรับปรุงอาหารนั้นจะช่วยดึงรสชาติความอร่อยของอาหาร และช่วยให้รสกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น และไม่สามารถนำมาดื่มได้ในรูปแบบการดื่มสาเกทั่วไป ประโยชน์อื่นก็ยังนำมาใช้ในการดับกลิ่นคาวของอาหารทะเลและเนื้อ โดยส่วนมากจะใช้กับอาหารประเภทต้มหรือตุ๋น

น้ำส้มสายชู ขาดไม่ได้ในการทำข้าวซูชิ

น้ำส้มสายชูที่ส่วนมากจะหมักจากข้าวหรือข้าวสาลี หากใช้ข้าวเป็นส่วนประกอบหลักก็จะเรียกว่า “โคเมะสุ” แต่ถ้าหากใช้ธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าว รวมกันหลายอย่างเป็นส่วนประกอบหลักก็จะเรียกว่า “โคคุโมตสึสุ” นอกจากนี้ก็ยังมีชื่อเรียกตามผลไม้ที่นำมาทำเป็นน้ำส้มสายชู เช่น แอปเปิ้ล “ริงโกะสุ” องุ่น “บุโดสุ” เป็นต้น รสชาติของน้ำส้มสายชูแต่ละแบบนั้นก็ต่างกัน น้ำส้มสายชูจากข้าวนั้นจะมีรสหวานและให้ความกลมกล่อม ส่วนน้ำส้มสายชูธัญพืชนั้นจะมีความเปรี้ยวน้อยและไม่ข้นเกินไป ในการทำข้าวซูชินั้นมักจะใช้น้ำส้มสายชูข้าวมาทำ นอกจากนี้ยังนำมาใช้ในอาหารต้มหรืออาหารที่เรียกว่าสุโมโนะ น้ำส้มสายชูมีประโยชน์หลายอย่างทั้งช่วยป้องกันการบูดเน่าและฆ่าเชื้อ กระตุ้นความอยากอาหาร และยังนำมาใช้ในการถนอมอาหารโดยวิธีหมักดอง

เคล็ดลับการทำอาหารญี่ปุ่นให้อร่อยอยู่ที่ลำดับการใส่เครื่องปรุง

เคล็ดลับการทำอาหารญี่ปุ่นให้อร่อยอยู่ที่ลำดับการใส่เครื่องปรุง เพื่อให้รสชาติอร่อยที่สุดจึงมีลำดับการใส่เครื่องปรุง โดยทั่วไปแล้ว จะใส่น้ำตาลเกลือไปก่อน ถึงจะเติมน้ำส้มสายชู ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยวมิโสะลงไป หากเราเติมน้ำส้มสายชูเร็วไปจะทำให้รสเปรี้ยวนั้นจางหายไปเร็ว ส่วนซีอิ๊วกับเต้าเจี้ยวมิโสะนั้นก็ใส่ทีหลัง เพื่อให้อาหารมีกลิ่นหอม และการใส่เหล้าปรุงอาหารเพื่อกลบกลิ่นคาวหรือเพื่อดึงรสชาติความอร่อยก็มักจะใส่ลำดับแรกสุด ลำดับขั้นการใส่เครื่องปรุงนั้นสำคัญมากสำหรับการทำอาหารญี่ปุ่น!