วัดกินคาคุจิ พลับพลาเงินแห่งเกียวโต

  • 17 ตุลาคม 2018
  • 2 เมษายน 2020
  • FUN! JAPAN Team
  • Mon

วัดกินคาคุจิ (銀閣寺 / Ginkaku-ji) หรือชื่อทางการว่า วัดจิโชจิ (慈照寺 / Jisho-ji) เป็นวัดประจำพุทธศาสานสายเซน (ฌาณสมาธิ) ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของเกียวโตและเป็นส่วนของสำนักโชโคคุจิ (相国寺派 / Shokokuji-ha) ของนิกายรินไซ (臨済宗 / Rinzai-shu) ในสายเซน ที่ประกอบไปด้วยวัด โชโคคุจิ (相国寺 / Shokokuji) คินคาคุจิ (金閣寺 / Kinkakuji) และกินคาคุจิ ในวันนี้เราจะขอนำเสนอประวัติอันน่าสนใจของวัดแห่งนี้และกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจกัน

ความเป็นมาของวัดกินคาคุจิ

โชกุน อะชิคากะ โยชิมาสะ (足利義政 / ASHIKAGA Yoshimasa) ได้เริ่มสร้างวัดกินคาคุจิขึ้นในช่วงทศวรรษที่ค.ศ. 1470 ซึ่งแต่เดิมจะให้เป็นบ้านพักตากอากาศของโชกุน แต่เมื่อตัวโชกุนเสียชีวิตลง บ้านพักตากอากาศหลังนี้จึงได้กลายมาเป็นวัดประจำพระพุทธศาสนาสายเซนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความงดงาม

ถึงแม้ว่าตัววัดจะไม่ได้เป็นสีเงินแบบที่คิดไว้ตามความหมายของชื่อ (พลับพลาเงิน) แต่อาคารหลักของวัดคินคาคุจิเคยเป็นสีดำที่มันวาวสะท้อนกับสีของผืนน้ำด้านล่าง ว่ากันว่าในยามค่ำคืนเงาของดวงจันทร์สะท้อนกับตัวอาคารสีดำขลับ ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของชื่อ กินคาคุจิ อย่างไรก็ดียังไม่มีหลักฐานใดแสดงถึงแหล่งที่มาของเรื่องเล่านี้

วัดกินคาคุจิมีชื่อเสียงในเรื่องการเป็นการก่อสร้างแบบวาบิซาบิ (侘び寂び / wabi-sabi) เนื่องจากโครงสร้างของวัดถูกสร้างไว้ให้ไม่เสร็จสมบูรณ์เหมือนกับตอนที่โชกุน อะชิคากะ โยชิมาสะ ได้เห็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิตลงในปี 1490 ที่นี่มีสวนทรายและสวนมอสอันสวยงามและสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม ซึ่งเป็นสิ่งที่สื่อถึงการบรรลุธรรม

วัดกินคะคุจิในปัจจุบัน

พลับพลาเงินนั้น มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า อุโบสถคันนอน (観音堂 / Kannon-do อุโบสถอวโลกิเตศวร) มีลักษณะคล้ายกับของทางวัดนคาคุจิ คือเป็นอาคาร 2 ชั้นซึ่งมีการตกแต่งเป็นสไตล์ที่ต่างกัน แต่ก็จะต่างจากตัวพลับพลาทองตรงที่พลับพลาเงินนั้นจะไม่เปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าชมด้านใน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา วัดกินคาคุจิได้ผ่านการบูรณะหลายครั้ง ทั้งจากเหตุเพลิงไหม้และแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเกียวโตนับครั้งไม่ถ้วนจนตัวอาคารเสื่อมสภาพ การบูรณะครั้งล่าสุดเกิดขึ่นในปี 2010 แต่ก็ยังทำการคงสีดำเงาของอาคารไว้จนถึงปัจจุบัน

ความงดงามของสวนต่าง ๆ ในวัดกินคาคุจิ

นอกจากความงามทางด้านสถาปัตยกรรมแล้ว ที่นี่ยังมีสวนสวยงามให้คุณได้ตื่นตาอีกด้วย ร่ำลือกันว่า ผู้ที่ออกแบบสวนแห่งนี้คือ โซอามิ (相阿弥 / Soami) สวนกรวดทรายที่วัดกินคาคุจิแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมานานตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ส่วนที่เป็นไฮไลท์ของสวนทรายแห่งนี้คือกองทรายขนาดใหญ่ที่ว่ากันว่าเป็นภาพจำลองของภูเขาไฟฟูจิ นอกจากนี้ยังมีอีกมุมหนึ่งของสวนทรายที่มีความโดดเด่นด้านลวดลายซึ่งดูราวกับเริงระบำเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดด

เมื่อคุณเดินมาถึงส่วนของบ่อน้ำและสวนหิน ประดับด้วยต้นไม้ ความเขียวขจีของหมู่ไม้สวยงามสดใสตัดกับสีของทราย เกิดเป็นทัศนียภาพที่สุขุมและสบายตาแก่แขกผู้มาเยือนวัดกินคะคุจิ

นอกจากนั้นแล้ว วัดกินคาคุจิยังตั้งอยู่ริมเขา หากโชคดี คุณจะได้พบเจอกับฝูงกวางที่บังเอิญเดินผ่านมา หากเป็นไปได้เราขอแนะนำให้คุณมาเที่ยวที่นี่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่เหล่าต้นไม้น้อยใหญ่ย้อมสีตนเองเป็นสีส้มและแดง สร้างบรรยากาศอันสดใสเพลินตาแก่ผู้พบเห็น สำหรับในช่วงฤดูหนาว คุณจะเห็นหิมะปกคลุมไปทั่วบริเวณราวกับบริเวณนี้ถูกห่มด้วยปุยหิมะหนาวนุ่ม

เวลาทำการและการเข้าชม

นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชมวัดนี้ได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาเปิดให้เข้าชมนั้นจะขึ้นอยู่กับฤดู เช่น ฤดูหนาวและฤดูร้อนจะมีเวลาเปิด-ปิดต่างกัน

ช่วงฤดูร้อนจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน ในช่วงนี้วัดกินคาคุจิจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 8.30 น. จนถึง 17.00 น.

ช่วงฤดูหนาวจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ในช่วงนี้วัดกินคาคุจิจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 9.00 น. จนถึง 16.30 น.

ค่าบริการเข้าชมวัดกินคาคุจิคือ 500 เยนสำหรับผู้ใหญ่และนักเรียนมัธยม 300 เยนสำหรับนักเรียนประถมและมัธยมต้น

ข้อมูลสถานที่แนะนำ

  • ชื่อสถานที่: วัดกินคาคุจิ (銀閣寺 / Ginkaku-ji)
  • ที่ตั้ง: 2 Ginkakujicho, Sakyo-ku, Kyoto-shi, Kyoto 606-8402
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟสาย Karasuma ไปยังสถานี Imadegawa จากนั้นเดินต่อไปยังป้ายรถบัส Karasumaimadegawa และขึ้นบัสหมายเลข #203 ไปยังป้ายรถ Ginkakuji-Michi จากนั้นเดินต่อไปไปทางตะวันออกอีก 9 นาทีก็จะถึงวัดกินคาคุจิ

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend