
เราไปที่ Tango Peninsula Port มาค่ะ ที่นั่นจะเป็นหมู่บ้านริมทะเลเล็กๆที่บ้านแต่ละหลังจะเป็นบ้านทรงโบราณ เราได้ชิมสาเกพื้นเมืองรสชาติเข้มข้นที่ทำมาจากเครื่องกลั่นสาเกโบราณที่มีชื่อว่า Mukai พอตกบ่ายเราก็เข้าไปชมความงามและซึมซับประวัติศาสตร์กันที่เมืองเกียวโต ซึ่งเราสามารถเดินเล่นเป็นวันๆได้อย่างไม่รู้เบื่อ เรายังได้ไปที่โรงกลั่นสาเก Fujioka ที่ Fushimi ที่นี่ทำให้เราได้รู้จักสาเกเก่าที่ดีที่สุดและสาเกใหม่ที่ดีที่สุด เราปิดค่ำคืนนี้ด้วยการรับประทาน Kyoto of the sea รสเลิศ ในโรงแรม Kyoto Hotel Okura


บ้านลอยน้ำ 230 หลังริมชายฝั่ง
ชั้นแรกของบ้านเป็นที่จอดเรือ ชั้นที่สองจะเป็นที่อยู่อาศัย เนื่องจากบ้านแถวนี้อยู่ใกล้กับทะเล หากมองมาจากทะเลมาจะเหมือนว่าบ้านเหล่านี้ลอยอยู่บนทะเลเลยล่ะค่ะ

บ้านลอยน้ำหรือ funaya เป็นบ้านที่สร้างยื่นลงไปในทะเล โดยที่ชั้นแรกจะเป็นที่เก็บเรือ และห้องเก็บของที่จะเป็นเสมือนห้องงานช่างที่จะมีพื้นที่สำหรับเตรียมปลา หรือซ่อมแซมอุปกรณ์ตกปลา นอกจากนั้นยังใช้เป็นที่เก็บปลาแห้งและพืชผลทางการเกษตรอีกด้วย ส่วนชั้นที่สองนั้นจะเป็นพื้นที่อยู่อาศัย และห้องรับรองแขก

~โรงกลั่นสาเกที่มีประวัติยาวนานกว่า 260 ปี~ (Meeting Mukai Brewery female director - Chokeiji Kuniko) -
เมือง Ine ที่เรามักจะเห็นบ่อยๆในละครญี่ปุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวริมทะเลที่มีบ้านลอยน้ำหรือ funaya โดยที่ชั้นล่างจะเป็นที่จอดเรือและชั้นบนจะเป็นที่อยู่อาศัย ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้ผู้ที่อยากมาเยี่ยมชมความสวยงามของ funaya เดินทางมาที่นี่ด้วยเรือ ในวันนั้นเราได้ขึ้น motorbike เดินทางไปโรงกลั่นสุราโบราณที่มีชื่อว่าโรงกลั่น Mukai ที่ด้านหน้าหันไปทางทะเล ซึ่งผู้เชียวชาญด้านการกลั่นสาเกคุณ Kuniko กำลังยืนยิ้มกว้างรอพวกเราอยู่
โรงกลั่นที่นี่ถึงแม้ว่าจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็ผลิตสาเกคุณภาพเยี่ยมอยู่คู่กับประวัติศาสตร์มายาวนาน คนงานที่นี่ก็ตั้งใจและใส่ใจในคุณภาพและรสชาติของสาเก ดูแลสาเกอย่างดีประหนึ่งดูแลลูกตัวเองเลยเชียวค่ะ สำหรับที่มาของกำลังใจในการทำงานสำหรับของคุณ Kuniko และคนงานคนอื่นๆก็คือ ทุกๆหยดของ “Spring of Kyoto”
~รสชาติส่งตรงจากทะเล “Spring of Kyoto” และ "Ine’s heshiko fish " ~

เพลินกับสาเกริมน้ำที่ floor of the sea ณ โรงกลั่นสาเก Mukai
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นส่องกระทบผิวน้ำ เมื่อทอดสายไปยังพื้นน้ำเบื้องล่าง เราได้ถูกสะกดด้วยประกายระยิบระยับ และยิ่งสวยงามขึ้นเมื่อชมทะเลพร้อมๆกับจิบ Spring of Kyoto นอกจากสาเกรสเลิศแล้ว ดินเนอร์ของเรามื้อนี้ยังมี heshiko อาหารประจำท้องถิ่นของเมือง Ine ที่คุณ Kunniko ได้ทำให้พวกเรารับประทาน กลิ่นหอมและรอยไหม้บนจานบอกเราได้ว่าคุณ Kuniko นำจานเข้าไปอบในตู้อบด้วย สาเกและheshiko มีรสชาติเข้ากันเป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อได้ทานทั้งสองอย่างพร้อมกันแล้ว อร่อยจนพวกเรากินไม่หยุดเลยหละค่ะ
นอกจาก heshiko แล้ว ยังมี มิโซะ ปลาเล็กปลาน้อย ปลาซาร์ดีน และข้าวสวยร้อนๆ ทุกอย่างที่กล่าวมาช่างเข้ากันได้ดีกับ Spring of Kyoto ในระหว่างทานอาหารคุณ Kuniko ก็เล่าเรื่องราวความรักของเธอที่มีต่อสาเก พวกเราก็เพลินไปทั้งกับเรื่องเล่าและดินเนอร์แสนอร่อยนี้จริงๆ ค่ะ

<ที่พักที่แนะนำ>
Kyoto Hotel Okura
ที่อยู่: Kawaramachi Oike, Nakagyo-ku, Kyoto-shi, Kyoto
Kaikatei Hanagozen
ที่อยู่: 193 Amino-cho, Kitsu, Kyotango-shi, Kyoto
Okuine Onsen Aburaya Main Building
ที่อยู่ : 570, Tsumo, Ine-cho, Yosa-gun, Kyoto
Comments