โอเอซิสลับของชิบะ: หุบเขาแห่งลำน้ำโยโร

  • 19 ธันวาคม 2021
  • Lily Baxter
  • Mon

โอเอซิสลับของชิบะ: หุบเขาแห่งลำน้ำโยโร

หุบเขาโยโรซึ่งเข้าถึงได้ด้วยการเดินทางอันคดเคี้ยวบนรถไฟแบบโบราณ เป็นสถานที่หลบหนีเข้าสู่ธรรมชาติซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น หุบเขาที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำโยโรมีเส้นทางเดินป่า น้ำพุร้อน และวัดที่ซ่อนอยู่ในป่าให้คุณได้ไปชมค่ะ

หุบเขาโยโรอยู่ที่ไหน

หุบเขาโยโรตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรโบโซของจังหวัดชิบะ จังหวัดที่อยู่ติดกับโตเกียว และเป็นพื้นที่ที่สวยงามที่ไม่ค่อยได้รับการสำรวจ หุบเขาสามารถเข้าถึงได้โดยใช้เส้นทางรถไฟที่มีวิวสวยงามสองสายที่เรียกว่าสาย Kominato และสาย Isumi และอยู่ใกล้กับสถานที่น่าเที่ยวต่าง ๆ เช่น ปราสาทคุรุริและป่าโอทากิในความดูแลของส่วนจังหวัดชิบะ สถานี Yoro-Keikoku อยู่ที่ทางเข้าสู่หุบเขา นั่นก็หมายความว่านักปีนเขาสามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางด้วยรถไฟและก้าวเข้าสู่หุบเขาที่สวยงามได้ทันทีที่ลงจากรถไฟค่ะ

พื้นที่คาบสมุทรชิบะแยกออกจากเมืองหลวงโดยอ่าวโตเกียว และสามารถเดินทางไปถึงได้อย่างง่ายดายด้วยรถไฟ รถยนต์ หรือเรือข้ามฟาก ทางด่วนข้ามทะเล Tokyo Bay Aqua Line เชื่อมต่อพื้นที่คาวาซากิของจังหวัดคานากาว่ากับพื้นที่คิซาราสึของจังหวัดชิบะ โดยใช้อุโมงค์ใต้ทะเลและสะพานข้ามทะเลทำให้การเข้าถึงสู่พื้นที่ชิบะด้วยรถยนต์เป็นไปได้อย่างรวดเร็วขึ้นมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

เพลิดเพลินกับหุบเขาโยโรได้ในทุกฤดูกาล

เพลิดเพลินกับหุบเขาโยโรได้ในทุกฤดูกาล

เช่นเดียวกับจุดชมวิวหลายแห่งในญี่ปุ่น ฤดูกาลนั้นสามารถเปลี่ยนหุบเขาโยโรจากสถานที่หลบหนีสู่ธรรมชาติที่เขียวชอุ่มเป็นสวรรค์สีทองได้เช่นกัน นั่นก็หมายความว่าจะมาเวลาไหนก็เหมาะแก่การเยี่ยมชมค่ะ ผู้มาเยือนสามารถสำรวจพื้นที่อีกเมื่อมาเยือนซ้ำ ๆ และเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในแต่ละครั้งได้ ดังนั้นอย่าลืมกลับมาเยือนใหม่ในฤดูกาลอื่น ๆ ด้วยนะคะ

หุบเขาโยโรในฤดูใบไม้ผลิ

หุบเขาโยโรในฤดูใบไม้ผลิ

ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเมษายน ทุ่งดอกคาโนลาจะเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้สีเหลือง ทำให้เกิดฉากราวกับในอนิเมะของ Ghibli ที่สวยสดงดงามในขณะที่รถไฟรุ่นโบราณแล่นผ่านค่ะ ดอกซากุระจะปรากฏในช่วงสัปดาห์ถัด ๆ มาเพื่อให้ได้ชมคู่กับดอกคาโนลาสีเหลืองอย่างสวยงาม ในขณะที่ดอกชวนชมจะบานหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อลึกเข้าไปในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้สีเขียวขจีก็จะปรากฏออกมา และหุบเขาแห่งนี้ก็เป็นที่หลบหนีจากความวุ่นวายของตัวเมืองอย่างแท้จริงค่ะ

หุบเขาโยโรในฤดูร้อน

หุบเขาโยโรในฤดูร้อน

ในฤดูร้อน ช่องเขาโยโรเป็นสถานที่หลบร้อนและความชื้นที่แสนเย็นสบาย หุบเขาลึกให้ร่มเงาและอุณหภูมิที่ต่ำกว่า โดยมีน้ำไหลเชี่ยวและป่าทึบสร้างสภาพแวดล้อมที่เย็นกายเย็นใจ ส่วนของแม่น้ำที่ไหลนิ่งเหมาะสำหรับการแช่เท้าที่เหนื่อยล้าในน้ำ ซึ่งก็เป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการผ่อนคลายในขณะที่คุณทานอาหารว่างระหว่างพักผ่อนค่ะ

หุบเขาโยโรในฤดูใบไม้ร่วง

ใบไม้เปลี่ยนสีจะเปลี่ยนหุบเขาให้กลายเป็นสวรรค์แห่งฤดูใบไม้ร่วงด้วยสีสันของใบไม้หลายหลากมากมายที่ล้อมรอบลำน้ำ มีใบไม้สีแดงเข้มรายล้อมตามเส้นทางเดิน แถมยังมีจุดชมวิวมากมายที่ดูโดดเด่น รวมถึงทั้งสะพานคันนอน (เจ้าแม่กวนอิม) สีแดง ใบไม้จะเปลี่ยนสีตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนธันวาคม เส้นทางหุบเขาสึสึโมริเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษ โดยสามารถเข้าถึงได้ด้วยรถบัสเฉพาะฤดูกาลที่เรียกว่า 'Boso Satoyama Go' เส้นทางหุบเขาสึสึโมริจะไปสิ้นสุดที่ยอดเขาซึ่งมีการขายมันเทศย่างโดยคนในท้องถิ่นเพื่อเป็นอาหารอบอุ่นร่างกายค่ะ

หุบเขาโยโรในฤดูหนาว

แม้ว่าในฤดูหนาวจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่เส้นทางเดินป่าหลายเส้นทางก็ยังสามารถนำคุณเข้าถึงหุบเขาได้ ภาพหยาดน้ำแข็งห้อยลงมาจากโขดหินและออนเซ็นใกล้สถานี Yoro-Keikoku จะเป็นรางวัลแสนอันอบอุ่นเมื่อสิ้นสุดการปีนเขา ต้นบ๊วยจะบานปลายเดือนกุมภาพันธ์เพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่ใกล้จะมาถึง โดยจะพบมากมายที่วัดในป่า วัดชุสเซคันนอน ค่ะ

เพลิดเพลินกับออนเซ็นในโยโร

เพลิดเพลินกับออนเซ็นในโยโร

การปิดท้ายที่สมบูรณ์แบบของการเดินป่าแบบไปกลับวันเดียวคือการแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติค่ะ และโชคดีที่หุบเขาโยโรมีตัวเลือกมากมาย น้ำที่นี่ค่อนข้างแปลกจากออนเซ็นทั่วไป สารประกอบจากพืชอินทรีย์ที่อยู่ใต้ดินลึกทำให้น้ำกลายเป็นสีดำ แต่คุณก็สามารถแช่น้ำได้อย่างปลอดภัยค่ะ ความแปลกไม่ธรรมดานี้เรียกว่า คุโรยุ (黒湯) ซึ่งหมายถึงน้ำร้อนดำ และพบได้ตามออนเซ็นเพียงไม่กี่แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นค่ะ

มีเรียวกังจำนวนหนึ่งที่มีน้ำพุร้อนในตัว เช่น เรียวกังคิโยโมโตะ (Ryokan Kiyomoto) ซึ่งอนุญาตให้ผู้มาเยือนแบบไปกลับเข้าไปแช่ได้ในราคา 900 เยน (ขึ้นอยู่กับข้อจำกัดเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโควิด-19) เรียวกังคิโยโมโตะ ใช้เวลาเดินเพียง 20 นาทีจากสถานี Yoro-Keikoku ตามเส้นทางสู่หุบเขาค่ะ

หนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตามเส้นทางเดินป่าคือห้องอาบน้ำในสวนโกริยะคุโนะยุ (Goriyakunoyu) ใกล้กับน้ำตกอาวามาตะ ด้วยอ่างอาบน้ำแบบเปิดโล่งและอ่างอาบน้ำในร่มที่ทำจากไม้ซีดาร์ ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่สวยงามในการซึมซับความงามของพื้นที่และขจัดความเครียดในร่างกายและจิตใจ น้ำที่นี่ไม่ใช่สีดำเพราะมาจากแหล่งน้ำร้อนใต้ดินแหล่งอื่น แต่เป็นน้ำร้อนสีเหลืองซีดที่มีไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งดีต่อผู้ที่เป็นรคไขข้อ ปวดหลัง ระบบไหลเวียนไม่ดี และปวดไหล่ค่ะ

ข้อมูลสถานที่

  • ชื่อสถานที่: Goriyakunoyu (滝見苑けんこう村 ごりやくの湯)
  • ที่ตั้ง: 176 Awamata, Otaki, Isumi, Chiba
  • การเดินทาง: อ่างแช่น้ำร้อนตั้งอยู่ตามเส้นทางเดินป่าทางใต้ของน้ำตกอาวามาตะ ตั้งอยู่ใกล้กับป้ายรถประจำทาง Awamata Goriyakunoyu และมีที่จอดรถเฉพาะให้บริการด้วย
  • ค่าบริการ: 1,100 เยนต่อคน หรือ 850 เยน สำหรับการอาบน้ำแบบชมพระอาทิตย์ตก (ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป)

เดินป่าในหุบเขาโยโร

เดินป่าในหุบเขาโยโร

เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างราบเรียบไม่มีเนินลาดชัน หุบเขาโยโรจึงมีความสูงเพียง 250 เมตร แต่ยังคงเป็นเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม เส้นทางทั้งเส้นมีความยาวประมาณ 6 กม. แต่มีช่วงสั้น ๆ ที่สามารถเข้าถึงได้โดยรถประจำทาง เช่น ป้ายรถประจำทางน้ำตก Awamata หรือป้ายรถประจำทาง Goriyakunoyu

เดินป่าในหุบเขาโยโร

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ น้ำตกอาวามาตะที่สูง 30 เมตรซึ่งเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดชิบะ วัดชุสเซคันนอน (Shusse Kannon) เป็นสถานที่ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งและเป็นที่รู้จักในนามวัดลับที่ซ่อนอยู่ในหุบเขา วัดเล็ก ๆ แห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 และมีขุนศึกเคยมาสวดภาวนาให้ประสบความสำเร็จในการรบอยู่บ่อยครั้ง วัดสามารถเข้าถึงได้โดยข้ามสะพานคันนอนสีแดงสดใสซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำให้ชมจากบนสะพานด้วยค่ะ

รถไฟท้องถิ่นที่สวยงามใกล้หุบเขาโยโร

รถไฟท้องถิ่นที่สวยงามใกล้หุบเขาโยโร

หุบเขานี้อยู่ใกล้กับทางรถไฟชมวิวสองสาย ได้แก่ บริษัทรถไฟ Kominato และบริษัทรถไฟ Isumi สาย Kominato วิ่งจากสถานี Goi ทางฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรโบโซไปยังสถานี Yoro-Keikoku ซึ่งเชื่อมต่อกับสาย Isumi ที่ต่อไปยังสถานี Ohara ทางฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรได้ เนื่องจากหุบเขาโยโรตั้งอยู่ตรงกลาง นักท่องเที่ยวจึงสามารถเพลิดเพลินกับการนั่งรถไฟชมวิวทั้งสองด้านได้ พร้อมด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามจากทั้งสองฝั่งให้ชมระหว่างทางค่ะ

สาย Kominato หรือที่เรียกว่า 小湊鉄道線 (Kominato Tetsudo sen) ในภาษาญี่ปุ่น ใช้รถยนต์ดีเซลที่ผลิตขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 สายนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 19170 และทางรถไฟส่วนแรกเปิดให้บริการในปี 1925 มีสถานีรถไฟของบริษัทรถไฟเอง 18 แห่งซึ่งหลายแห่งทำให้นึกถึงฉากในภาพยนตร์อนิเมชั่นของ Ghibli เลยค่ะ

สาย Isumi หรือที่เรียกว่า いすみ線 (Isumi-sen) ในภาษาญี่ปุ่น ให้บริการเฉพาะวันธรรมดาและวันหยุดบางวันเท่านั้น ส่วนแรกของเส้นทางเปิดให้บริการในปี 1930 และแม้ว่าจะเป็นสายที่ขาดทุนก็ตาม แต่ยังคงให้บริการอยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และปัจจุบันเป็นที่นิยมสำหรับผู้มาเยือนพื้นที่นี้ค่ะ

การเดินทางไปยังหุบเขาโยโร

การเดินทางไปยังหุบเขาโยโร

หุบเขาสามารถเข้าถึงได้สะดวกที่สุดโดยทางรถไฟชมวิวทั้งสองสาย แม้ว่าวิวจะสวยงาม แต่ก็มีบริการที่จำกัด ดังนั้นกรุณาวางแผนเส้นทางของคุณล่วงหน้าและตรวจสอบตารางเวลาออกรถให้ดีค่ะ นอกจากนี้ยังมีบริการรถโดยสารประจำทางที่เชื่อมต่อจุดยอดนิยมตามหุบเขา แต่เวลาให้บริการมีจำกัด การวางแผนจึงเป็นสิ่งสำคัญค่ะ

จากโตเกียว

จากโตเกียว คุณสามารถใช้ Sobu Line Express ไปยังสถานี Goi โดยมีบางเส้นทางที่ต้องเปลี่ยนรถไฟไปยังสาย Uchibo ที่สถานี Chiba การเดินทางส่วนนี้ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงและมีค่าใช้จ่าย 990 เยนสำหรับผู้ใหญ่ จากสถานี Goi เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Kominato และนั่งไปยังสถานีสุดท้าย สถานี Yoro-Keikoku - การเดินทางส่วนนี้ใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่า ๆ และราคา 1,280 เยน

อีกทางเลือกหนึ่ง ผู้ที่ชื่นชอบรถไฟสามารถโดยสาร Wakashio Limited Express จากโตเกียวไปยังสถานี Ohara ในจังหวัดชิบะได้ จากนั้นขึ้นรถไฟสาย Isumi ไปยังสถานี Kazusanakano ซึ่งคุณจะเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย Kominato เพื่อเดินทางไปยังสถานี Yoro-Keikoku ต่อ ซึ่งก็ใช้เวลานานกว่า โดยใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงและมีค่าโดยสารราว ๆ 4,000 เยน แต่รวมเส้นทางรถไฟที่มีทิวทัศน์สวยงามทั้งสองแห่งในการเดินทางเที่ยวเดียวค่ะ

จากนาริตะ

หากเดินทางจากสนามบิน คุณสามารถขึ้นรถไฟสาย Sobu/Narita ไปยังอำเภอเมืองชิบะ และเปลี่ยนเป็นสาย Uchibo ไปยังสถานี Goi ซึ่งคุณสามารถเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Kominato ได้ การเดินทางใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงและมีค่าใช้จ่ายเพียงประมาณ 2,000 เยนกว่า ๆ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกใช้รถโดยสารประจำทางจากนาริตะไปชิบะด้วย

จากฮาเนดะ

วิธีที่สะดวกยที่สุดในการเข้าถึงบริเวณนี้จากสนามบินฮาเนดะคือการโดยสารรถบัสวิ่งบนทางหลวงจากอาคารผู้โดยสารไปยังอำเภอคิซาราสึ ใช้เวลาประมาณ 35 - 50 นาทีโดยขึ้นอยู่กับอาคารผู้โดยสารที่ออกรถ และค่าใช้จ่าย 1,250 โดยมีตั๋วจำหน่ายที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วรถบัสฮาเนดะ จากคิซาราสึ คุณสามารถโดยสารรถไฟสาย JR Uchibo ไปยังสถานี Goi และต่อด้วยรถไฟสาย Kominato ต่อไปยังปลายทางได้ค่ะ

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend