สำรวจแฟชั่นและทรงผมของญี่ปุ่นในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา แล้วจากนี้แฟชั่นจะเป็นแบบไหนกัน

  • 10 ธันวาคม 2018
  • 25 สิงหาคม 2019
  • Maria Matsumoto

日本のヘアメイク&ファッション30年間ヒストリー!これから日本で流行るメイクも大予測

ที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2019 ก็จะหมดยุคเฮย์เซย์แล้ว และพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การนับปีแบบใหม่ สำหรับแบรนด์ชิเซโด้ซึ่งเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่อยู่คู่ความสวยความงามของชาวญี่ปุ่นมายาวนาน ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นของหญิงสาวในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

ช่วงปีเฮย์เซย์แรก - ปีเฮย์เซย์ที่ 5 (1989 - 1993) ความเจิดจรัสของยุคบับเบิ้ลแห่งโชวะ

ความแข็งแกร่งไว้ภายในของหญิงสาว

การแต่งหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของยุคสมัยนี้นั่นก็คือการนิยมใช้ลิปสติกสีแดงสดหรือโรสพิงค์ ส่วนอื่นของใบหน้าก็เน้นการแต่งแบบธรรมชาติ ยกเว้นสีปาก ส่วนการแต่งตาก็มักนิยมใช้สีโรสหรือไม่ก็แนวสีม่วง

สำหรับทรงผมจะนิยมไว้ผมยาวกัน อาจจะดัดผมตรงแค่ส่วนปลายหรือไม่ก็เป็นผมยาวตรง นอกจากนี้ผมหน้าม้าที่ยีฟูเป็นกระบังขึ้นมาก็ถือเป็นจุดเด่นของแฟชั่นในสมัยนี้ที่เห็นได้ชัดมาก

ปีเฮย์เซย์ที่ 6 - 10 (1994 - 1998) แฟชั่นแบบแกล ผมน้ำตาล คิ้วบาง หน้าเรียวเล็ก

เมื่อก้าวผ่านช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่มาได้ ผู้คนส่วนมากยังนิยมสินค้าราคาประหยัด การใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้น ทำให้ได้รับข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว

ยุคนี้เป็นยุคของแฟชั่นแกล ทั้งการส่วมรองเท้าบู้ท กระโปรงมินิสเกิร์ต ย้อมผมสีน้ำตาล คิ้วบาง การแต่งหน้าให้ดูเรียวเล็ก การทาอายแชโด้ประกายมุก ลิปสติกสีเบจหรือสีออกน้ำตาลเป็นที่ได้รับความนิยมมาก

สำหรับทรงผมนิยมซอยไล่ระดับเป็นเลเยอร์ และกว่า 90% ก็มักจะย้อมสีผมกัน

ปีเฮย์เซย์ที่ 11 - 15 (1999-2003) ผมสีบรอนซ์ เน้นขอบตาดำ แฟชั่นแกล

สไตล์การแต่งตัวและการแต่งหน้าแบบสาวแกลก็ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะย่านชิบุย่าที่มีเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าสีสันสดใส เครื่องประดับผมที่เป็นลายดอกไม้ และยังมีการแต่งหน้าที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย

ที่เห็นได้เด่นชัดในช่วงยุคนี้เลยก็คือความนิยมผิวสีแทน มีทั้งที่ไปอาบแดดให้เป็นผิวแทนมาก็มี บางคนก็ใช้รองพื้นเบอร์เข้มให้ดูผิวสีแทนก็มี และเน้นการเขียนรอบขอบตาให้เด่นชัด ส่วนคิ้วก็เขียนสีอ่อนลง เพื่อเน้นดวงตาให้ดูโต

สำหรับผมก็จะย้อมให้เป็นสีสว่างออกเหลือง สีแอช หรือกัดสีผม เป็นต้น ประชากรที่ย้อมสีผมก็เหมือนจะมีมากขึ้น

ปีเฮย์เซย์ที่ 16-20 (2004-2008) การแต่งหน้าให้ดูน่ารักหวานสวย

เศรษฐกิจยังคงย่ำแย่ ในสภาวะความไม่แน่นอนแบบนี้ ทำให้หญิงสาวส่วนมากมีความปรารถนาที่ต้องการแต่งงานเพื่อความมั่นคงในชีวิต จึงเกิดกระแสความนิยมด้านการแต่งงานมากขึ้น เพราะฉะนั้นก็ต้องแต่งตัวดูแลตัวเองให้สวยและน่ารัก เสื้อผ้าก็จะดูอ่อนหวานแนวโรแมนติก และมีการใช้ผ้าลูกไม้เข้ามา

สมัยนี้จะเน้นการแต่งหน้าแบบจัดเต็มแต่ก็ให้ดูเป็นธรรมชาติ วาดอายไลเนอร์ทั้งขอบตา ปัดมาสคาร่าซ้ำหลายครั้ง เพิ่มขนตาปลอมเพื่อให้ตาดูโตขึ้น นิยมทาลิปกลอสให้ริมฝีปากดูมันวาว เป็นช่วงที่ผู้คนใส่ใจรักสวยรักงามมากขึ้น เช่น การใส่คอนแทคเลนส์ให้ตาโต การต่อขนตา เป็นต้น สำหรับทรงผมก็นิยมต่อผมหรือไม่ก็ม้วนผมให้เป็นลอน เพิ่มวอลลุ่มให้ดูน่ารัก

ปีเฮย์เซย์ที่ 21 - 25 (2009 - 2013) สไตล์พริ้วๆ ดูน่ารักแบบผู้ใหญ่

ในปี 2011 ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นทำให้เกิดความเสียหายมหาศาล ผู้คนก็ปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิต หญิงสาวเองก็เช่นกันก็เริ่มคิดว่าอะไรที่เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับตัวเองกันแน่ 

แฟชั่นของในช่วงนี้ก็จะเป็นแบบน่ารักสบายๆ การแต่งหน้าก็เน้นแบบธรรมชาติ มักจะทาไฮไลท์หรือประกายมุกใต้ตาล่างให้ดูวาวๆ เหมือนมีถุงใต้ตา และปัดแก้มในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงทรงผมก็เน้นการม้วนให้เป็นลอนเบาๆ ดูพริ้วสบายๆ เป็นธรรมชาติ

ปีเฮย์เซย์ที่ 26 - ปัจจุบัน (2014 - 2018) กลับไปนิยมแฟชั่นแบบเก่าอีกครั้ง

จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การใส่กางเกงเอวสูง รองเท้ากีฬา เป็นช่วงที่กลับไปได้รับความนิยมแฟชั่นของยุคปี 80-90อีกครั้ง การแต่งหน้าจะเน้นให้ดูเป็นผู้ใหญ่แบบเลดี้ คิ้วหนาขึ้นและสีค่อนข้างอ่อน ลิปสติกเป็นสีสดอย่างเช่นสีโรส และสีวิวิด ให้ดูสดใส ทรงผมก็นิยมแบบบ็อบ และตัดหน้าม้าสั้นเต่อแบบบาง

เทรนด์แฟชั่นของญี่ปุ่นจากนี้ไป

ค่านิยมที่มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าสมัยก่อน เทรนด์จากนี้ไปจะไม่ได้มีแบบใดแบบหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ แต่จะมีทางเลือกด้านแฟนชั่นมากขึ้น ปรับให้เข้ากับสไตล์ของแต่ละคนไปสำหรับทรงผมก็เช่นกัน จากนี้ไปก็จะมีความหลากหลายและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น และมีแนวโน้มน่าจะกลับไปนิยมแฟชั่นของยุคปลายปี 90

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend