【โตเกียว】มาค้นหาเสน่ห์ของอิซากายะญี่ปุ่น "Gonpachi Nishi-Azabu" ที่โด่งดังจากฉากในภาพยนตร์เรื่อง "Kill Bill"

  • 28 กันยายน 2018
  • 31 มกราคม 2024
  • 秋山 香織/Kaori Akiyama
  • Mon

Gonpachi Nishi-Azabu เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแนวสร้างสรรค์ที่โด่งดังจากการเป็นต้นแบบให้กับฉากในภาพยนตร์เรื่อง "Kill Bill" ตั้งอยู่ติดกับสี่แยกนิชิอาซาบุ และกล่าวได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของสี่แยกนิชิอาซาบุค่ะ โด่งดังไม่เพียงเฉพาะแค่ในหมู่คนญี่ปุ่นเท่านั้น แค่ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากมาเยี่ยมชมร้าน และมักจะไม่สามารถเข้าร้านได้หากไม่ได้จองล่วงหน้าค่ะ ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจเคล็ดลับเบื้องหลังความนิยมของ Gonpachi Nishi-Azabu กันค่ะ

"Gonpachi Nishi-Azabu" เป็นอิซากายะญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ

Gonpachi Nishi-Azabu เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแนวสร้างสรรค์ที่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro Roppongi, สถานี Nogizaka และสถานี Hiroo โดยใช้เวลาเดินเพียง 10 นาที เป็นร้านอาหารยอดนิยมที่ไม่เพียงแต่คนญี่ปุ่นเท่านั้นแต่ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากเข้าเยี่ยมชม และคนแน่นทั้งกลางวันและกลางคืนค่ะ

ที่นี่มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้นจากการพบกันระหว่างอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช และอดีตนายกรัฐมนตรีโคอิซูมิในปี 2002 และจากเรื่อง "Kill Bill" ของผู้กำกับเควนติน ทารันติโน ซึ่งมีการทำฉากที่ถูกจำลองขึ้นในฮอลลีวูดโดยอ้างอิงจาก "Gonpachi Nishi-Azabu" ค่ะ

เจ้าของร้านยังให้ความสำคัญกับชื่อร้าน "กอมปาจิ" เป็นพิเศษอีกด้วยค่ะ กอมปาจิ มาจาก 'ชิราอิ กอมปาจิ' (白井権八 / SHIRAI Gonpachi) ตัวละครหลักที่ปรากฏในอุปรากรคาบุกิซึ่งแสดงถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ชิราอิ กอมปาจิ ถูกแต่งให้เป็นคนที่มีความกระตือรือร้นที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากต่างๆ ในชีวิตเพื่อที่จะบรรลุความฝันของตัวเอง ชื่อร้านคือ "กอมปาจิ" ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างวิถีชีวิตของกอมปาจิและตัวร้านนั่นเองค่ะ

ภายนอกและพื้นที่ร้านอันเป็นเอกลักษณ์ของ Gonpachi Nishi-Azabu รวบรวมเอาความเป็นญี่ปุ่นไว้อย่างสมบูรณ์

เหตุผลแรกที่ทำให้ร้านนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดคนญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังดึงดูดชาวต่างชาติจำนวนมากด้วยคือบรรยากาศของที่นี่นั่นเองค่ะ ภายนอกมีโครงสร้างอันโอ่อ่าที่มีลักษณะคล้ายโรงเหล้าสาเกผนังสีขาวแบบโบราณ โดยเฉพาะตอนกลางคืนที่มีการประดับไฟจะสร้างบรรยากาศที่แสนวิเศษซึ่งดูไม่เหมือนร้านอาหารเลย มีต้นซากุระ 1 ต้นปลูกอยู่ในบริเวณนี้ และขึ้นชื่อในเรื่องการชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามในฤดูใบไม้ร่วงค่ะ

เมื่อคุณก้าวเข้าไปในร้าน คุณจะต้องตะลึงกับพื้นที่เปิดโล่งที่คุณไม่สามารถจินตนาการจากภายนอกได้ ชั้นหนึ่งและชั้นสองเปิดรวมกันเป็นห้องโถงใหญ่เพดานสูง โดยมีห้องครัวแบบเปิดอยู่ตรงกลางและมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ล้อมรอบค่ะ

เสาและส่วนอื่นๆ ทำจากไม้เก่าจากบ้านพื้นเมืองเก่าๆ และภายในร้านก็เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นของไม้ค่ะ

ห้องครัวแบบเปิดให้บริการอาหารประเภทย่างเตาถ่านอย่างยากิโทริค่ะ หากนั่งที่เคาน์เตอร์ก็สามารถชมอาหารปรุงบนเตาถ่านได้ในระยะใกล้ จากที่นั่งบนชั้น 2 คุณสามารถเพลิดเพลินกับมื้ออาหารพร้อมชมครัวแบบเปิดได้ด้วยค่ะ

ร้านเปิดจนถึง 03.30 น. คุณจึงสามารถทานอาหารได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากค่ะ

มีที่นั่งทั้งหมด 260 ที่นั่ง รวมทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ ที่นั่งแบบโต๊ะ และห้องส่วนตัว ที่นี่ยังพร้อมต้อนรับกลุ่มใหญ่ รวมถึงผู้ที่มากันเป็นครอบครัวสามรุ่นด้วยค่ะ มีที่นั่งเก้าอี้ยาว ดังนั้น หากคุณมีเด็กหรือทารกมาด้วย ใช้ที่นั่งนี้ให้เป็นประโยชน์นะคะ

นอกจากนี้ "SUSHI Gonpachi Nishi-Azabu" บนชั้น 3 ยังเสิร์ฟเอโดมาเอะซูชิตามฤดูกาลอีกด้วย นอกจากการนั่งที่เคาน์เตอร์ที่คุณสามารถชมเชฟซูชิปั้นซูชิได้อย่างใกล้ชิดแล้ว คุณยังสามารถนั่งที่โต๊ะ ในห้องส่วนตัว หรือบนระเบียงลานบ้านก็ได้ค่ะ

เมนูแนะนำของ Gonpachi Nishi-Azabu ที่คุณควรลองเมื่อไปที่ร้าน

เมนูมีให้เลือก 5 ภาษา ได้แก่ ญี่ปุ่น อังกฤษ จีน เกาหลี และสเปน ร้านอาหารมีพนักงานที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เสมอ และอาจมีพนักงานที่สามารถพูดภาษาอื่นได้ เช่น ภาษาจีน ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวันค่ะ

เมนูเดี่ยว

เมนูยอดนิยมในหมู่ชาวต่างชาติคือ "สเต็กเนื้อสันนอกคุโรเกะวากิว" (ราคารวมภาษี 4,290 เยน) นี่เป็นผลงานชิ้นเอกที่มีรสชาติของไขมันลายหินอ่อนบนเนื้อ ความชุ่มฉ่ำ และความเข้มข้นในปริมาณที่พอเหมาะค่ะ

“ชินโจอาเกะกุ้ง (ซอสพริกยูซุ)” (ราคารวมภาษีตัวละ 396 เยน) ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ชินโจอาเกะเป็นอาหารที่ทำโดยการนึ่ง ต้ม หรือทอดกุ้ง ปู หรือปลาที่สับแล้วกับน้ำซุปดาชิ ที่นี่ร้านอาหารได้เพิ่มความพิเศษให้กับเมนูด้วยการห่อเกี๊ยวเป็นชิ้นบางๆ แล้วทอดค่ะ เคล็ดลับของความนิยมก็คือ อาหารจานนี้มีขนาดใหญ่จนดูเหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน ทั้งดูน่ารับประทานและเพลิดเพลินสายตา มาพร้อมกับซอสพริกยูสุให้ความรู้สึกแบบพื้นเมืองค่ะ

"โซบะนวดมือ" (ราคารวมภาษี 880 เยน) ได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถันจากภูมิภาคและพันธุ์ที่เหมาะกับฤดูกาล ทุกเช้า ช่างฝีมือโซบะจะบดโซบะโดยใช้เครื่องบดหินแล้วนวดด้วยมือ คุณสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ทำมือได้ค่ะ

ร้านอาหารยังมีเมนูอาหารมังสวิรัติและเมนูฮาลาลอีกด้วย เมนูมังสวิรัติประกอบด้วยซูชิที่ใช้วัตถุดิบอย่างอะโวคาโด ขิงน้ำส้มสายชู และกระเจี๊ยบ ผักเสียบไม้ย่าง และเทมปุระผักนานาชนิด สำหรับเมนูฮาลาลนั้น มี "คอร์สสเต็กเนื้อฮาลาลชิเรโตโกะ" (ราคารวมภาษี 21,780 เยน) อาหารหลักคือสเต็กที่ทำจากเนื้อวัวชิเรโตโกะวากิวคุณภาพสูงที่ได้รับการรับรองฮาลาล พร้อมด้วยหอยนางรมทอด กุ้งทอดกับซอสพริกยูซุ และโอยาโกะด้ง (ข้าวหน้าไก่และไข่) ค่ะ

เมนูคอร์ส

เมนูคอร์สที่แนะนำคือคอร์สพิเศษ (รวมภาษี 10,450 เยน) ซาซิมิที่คัดสรรมาอย่างดีสามประเภท กุ้งทอด (พร้อมซอสพริกยูสุ) เทมปุระสามประเภท (กุ้ง ปลาไหลคองเกอร์ และผัก) สเต็กเนื้อสันนอกเนื้อดำญี่ปุ่น ฯลฯ และบะหมี่โซบะนวดมือปิดท้ายค่ะ คุณสามารถทานอาหารญี่ปุ่นได้ทุกอย่างในมื้ออาหารแบบฟูลคอร์สค่ะ

เครื่องดื่มและแอลกอฮอล์

ลองสังเกตการเลือกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของทางร้าน โดยเฉพาะสาเกญี่ปุ่นค่ะ ด้วยความร่วมมือกับโรงเหล้าสาเก Hanaharu ในอำเภอไอซุวาคามัตสึ จังหวัดฟุกุชิมะ ร้านอาหารแห่งนี้จึงนำเสนอสาเกดั้งเดิมของ Gonpachi "Komurasaki" ซึ่งเป็นความร่วมมือกับสาเกชื่อดัง "Hanaharu" ซึ่งเป็นสาเกจุนไมที่มีกลิ่นแรง นอกจากจังหวัดฟุกุชิมะแล้ว ยังมี "Nanbu Bijin Toku Junmai" จากจังหวัดอิวาเตะ "Hakkaisan Junmai Daiginjo" จากจังหวัดนีงาตะ และ "Dassai Junmai Daiginjo ขัดข้าว 39%" จากจังหวัดยามากุจิ จึงมีสาเกตัวแทนให้เลือกมากมายจากทั่วประเทศญี่ปุ่นเลยค่ะ

มีแผนที่ของญี่ปุ่นอยู่ในเมนูด้วย ดังนั้นคุณสามารถเลือกสาเกไปพลางดูแผนที่ไปพลางได้ค่ะ นอกจากนี้ "Nanbu Bijin Toku Junmai" ของจังหวัดอิวาเตะยังเป็นสาเกอันแรกของโลกที่ได้รับการรับรองว่าเป็นสาเกวีแกนค่ะ

หมั่นทบทวนการพัฒนาเมนูอยู่เสมอ! ไปกี่ครั้งก็เพลิดเพลินได้ทุกครั้ง!

มีเมนูที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย เช่น สลัดมันฝรั่งที่ใช้เผือก เทมปุระปลาหมึกยักษ์สไตล์ทาโกะยากิ และชิราทามะเซ็นไซที่ใช้ฟักทองและมะพร้าวเป็นต้นค่ะ ในส่วนของเมนูนั้น ร้านอาหารจะจัดการประชุมแนวคิดภายในร้านเดือนละครั้ง โดยไม่เพียงแต่มีพนักงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพนักงานพาร์ทไทม์ในสาขานั้นๆ ด้วย โดยพวกเขาหารือเกี่ยวกับเมนูที่จะใช้ในร้าน และเฉพาะเมนูที่เลือกในการประชุมครั้งนั้นเท่านั้นที่จะกลายเป็นเมนูอย่างเป็นทางการ นอกจากเมนูตามฤดูกาลแล้ว ทางร้านยังปรับปรุงรายการเมนูมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นการเปลี่ยนแหล่งที่มาของแป้งโซบะที่ใช้ทำโซบะมาตรฐานค่ะ

จะมา Gonpachi Nishi-Azabu ก็ควรจองล่วงหน้า

ที่นั่งมักจะถูกจองจนเต็มทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนค่ะ ดังนั้นหากคุณมีวันที่และเวลาที่แน่นอน เป็นไปได้ก็ควรจองล่วงหน้าค่ะ สามารถจองได้บนเว็บไซต์ (มีภาษาอังกฤษ) หากคุณต้องการไปที่ร้านโดยไม่จองล่วงหน้า คุณอาจสามารถเข้าร้านได้เลยในช่วงระหว่างเวลา 15.00 น. ถึง 17.00 น. ซึ่งเป็นช่วงนอกเวลาอาหารกลางวันและอาหารเย็นค่ะ

ข้อมูลสถานที่

  • ชื่อ: Gonpachi Nishi-Azabu
  • ที่ตั้ง: 1-13-11 Nishiazabu, Minato-ku, Tokyo 106-0031
  • การเดินทาง: เดิน 10 นาทีจากสถานี Tokyo Metro Roppongi, เดิน 10 นาทีจากสถานี Nogizaka, เดิน 10 นาทีจากสถานี Hiroo
  • เวลาทำการ: 11:30~05:30 น. ของวันถัดไป (มื้อกลางวัน ~ 15:00 น.) สั่งอาหารเมนูสุดท้าย 04:00 น. เครื่องดื่ม 05:00 น.
  • วันหยุดประจำ: ไม่มีวันหยุด
  • งบประมาณ: 6,000 ถึง 7,999 เยนสำหรับมื้อเย็น, 1,000 ถึง 1,999 เยนสำหรับมื้อกลางวัน
  • บัตรเครดิต: รองรับ/VISA, Master, JCB, AMEX, Diners เงินอิเล็กทรอนิกส์/ชำระเงินด้วยรหัส QR
  • เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://gonpachi.jp/nishi-azabu/
  • วิธีการจอง: โฮมเพจ: https://yoyaku.toreta.in/gonpachi-nishiazabu/#/

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend