หลังจากที่พวกเราพักผ่อนนอนหลับฝันดีกันไป 1 คืนที่นี่แล้ว มื้อเช้าเราก็ไม่พลาดค่ะทางโรงแรมก็มีอาหารมื้อเช้าสไตล์ญี่ปุ่นไว้รองรับให้รับประทานกันอิ่มเอมและพร้อมที่จะเดินทางต่อได้เลยค่ะ
เช้านี้เราเริ่มเดินทางและสัมผัสกับบรรยากาศของฮาโกเน่แบบใกล้ชิดเลยค่ะ ที่บอกว่าแบบใกล้ชิดคือเดินทางเองด้วย รถTaxi เดินต่อไปขึ้นรถไฟ ต่อด้วยโรพเวย์ เรือ รถเมล์ และจบด้วยรถไฟค่ะ เป็นทริปที่สุดคุ้มและพิเศษมากกับการเดินทางสัมผัสธรรมชาติและสนุกสุดๆ เลยค่ะ กับบัตรใบเดียวเที่ยวได้ทั่ว คือบัตรฮาโกเน่ฟรีพาส
แบบเป้เที่ยวฮาโกเน่ด้วยการขึ้นรถไฟปีนเขาสายไฮเดรนเยียฮาโกเน่ที่ค่อยไต่ระดับขึ้นภูเขาด้วยรถไฟที่ในตัวรถไฟสวยงามและมองเห็นคนขับรถไฟอย่างชัดเจน พร้อมวิวสวยๆ ไปมาแบบี้ไปเรื่อยๆ และเหมาะมากับการาพักผ่อน หรือคู่รักที่จะสารภาพความในใจแนะนำให้พามาขึ้นรถไฟค่ะเพราะคู่ของคุณจะไม่สามารถปฏิเสธได้แน่นอนเพราะถูกบังคับให้อยู่ภายในรถไฟและชื่นชมธรรมชาติ ภูเขา ดอกไม้ตลอดข้างทางสุดโรแมนติกจริงๆ ค่ะ ดอกไม้ไฮเดรนเยียจะบานสะพรั่งกว่า 1 หมื่นต้นในช่วงหน้าร้อน ประมาณช่วงเดือนกรกฏาคม ถึงกันยายน ที่ถ่ายมาจึงได้ภาพแต่ต้นไม้เขียวขจีและจุดชมวิวที่เห็นไกลๆ เพียงเท่านั้น
เมื่อเราขึ้นไปและต่อด้วยโรพเวย์เพื่อขึ้นสู่โอวาคุดานิอีกครั้งแต่ครั้งนี้ได้เข้าไปเยี่ยมชมและศึกษาถึง
ประวัติและธรรมชาติในพิพิทธพันธ์ด้วยค่ะ
เมื่อชมเสร็จก็ไม่พลาดกินไข่ดำกันตามเคยค่ะ อร่อยมากค่ะ และกินไปกินมาก็เริ่มหิวอย่างจริงจังจึงเดินทางล่องเรือทะเลสาบอชิเพื่อไปยังร้านอาหารขึ้นชื่อของฮาโกเน่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
เมื่อถึงฝั่งเราก็เริ่มเดินค่ะ เดินชมธรรมชาติ ต้นไม้ข้างทางไปเรื่อยสักประมาณ 30 นาทีก็ถึงร้านอาหาร Shinsho Soba มื้อนี้! จะทานอะไรดีน๊า....?
เมื่อเติมพลังกันเรียบร้อยแล้วก็ไปต่อที่หมู่บ้านซามูไร ทั้งสวย และสงบมากค่ะ เราได้แวะซื้อของฝากขึ้นชื่อของเมืองฮาโกเน่ และยังได้เล่นกล่องไม้ในร้านกันอย่างสนุกสนานมากค่ะ กล่องไม้นี้คือสามารถเปิดทางไหนก็ได้สลับไปมา ถ้าใครไม่มีเทคนิคในการเปิดก็ไม่สมารถเปิดกล่องได้ สนุกดีค่ะ
และเราก็เดินทางไปต่อในหมู่บ้านซามูไร ผ่าน ตม.เก่าที่เชื่อมต่อระหว่าง Kyoto Tokyo ในสมัยยุคซามูไร เมื่อเดินเข้ามาและถ่ายรูปที่จุดชมวิวมองเห็นได้ทุกมุม 360 องศากันเลยทีเดียวค่ะ พวกเราสูดรับ
พลังงานกันเสร็จก็ถึงเวลาเดินทางกลับค่ะ เราก็เดินทางกลับด้วยรถบัสโดยใช้บัตรฮาโกเน่ฟรีพาสใบเดิม แต่ระหว่างทางเราแวะดื่มชา เหล้าหวานและโมจิกันที่ Hakone AMASADE CHAYA ภายในร้านเปิดเป็นร้านดั่งเดิมสไตย์ญี่ปุ่น สวยงาม สงบมากค่ะ ฉันหลงรักร้านนี้ นอกจากมีขนมและชาแสนอร่อยแล้วบรรยากาศภายในร้านพนักงานต้อนรับที่นี่บริการดีมากค่ะ
ถีงเวลากลับ Tokyo จริงๆละ เราก็ใช้ฮาโกเน่ฟรีพาสใบเดิม ในการเดินทางกลับใช้เวลาประมาณ 1 ชม.และสิ้นสุดทริปสุดพิเศษนี้ที่สถานีรถไฟ Hakoneเพื่อเดินทางไปสู่ Tokyoคืนนี้เรากลับTokyo และจะไปพักกันที่โรงแรมเดิมค่ะ Shinjuku Washington Hotel เดินทางด้วยรถไฟประมาณ 45 นาทีก็ถึงสถานี Shinjuku และใช้เวลาเดินเท้าต่อประมาณ 15 นาทีก็ถึงโรงแรม Shinjuku Washington Hotel ค่ะ
จบทริปฮาโกเน่ 2 วันไม่อยากกลับเลยค่ะ เมืองฮาโกเน่สวยงาม และมหัศจรรย์มากตรงที่ไปเที่ยวกี่ครั้งก็ยังคงธรรมชาติที่สวยงาม ผู้คนและวิถีชีวิตก็ยังคงเดิม เมืองฮาโกเน่ของประเทศญี่ปุ่นนี้รักษาธรรมชาติ และสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในเมืองฮาโกเน่ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวมาจำนวนมากตลอดทั้งปีแต่ก็ยังมีการบำรุงรักษา และคงไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติที่สวยงามค่ะ
Kombanwa ตอนนี้ราว 19.30 น.ถึง Shinjuku Washington Hotel เช็คอินอีกครั้งและเราทั้ง 4 คน คุณอเล็กซ์ คุณอนาส คุณจิมมี่ก็เดินทางจากโรงแรมไปฝากท้องกับร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นเช่นเคยในสถานีรถไฟ ก็มีร้านอาหารมากมายให้เลือกทาน ครั้งนีต้องขอบคุณคุณจิมมี่ที่พาพวกเรามากินที่ร้านนี้ นั่งเรียงกันด้านหน้า สไตล์แจแปนนิสเลยทีเดียวค่ะ อาหารที่นี่อร่อย แต่ค่อนข้างลำบากสักนิดเพราะต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นในการสั่งอาหาร
เมื่ออิ่มแล้วก็แยกย้ายกลับไปพักผ่อน ผ่อนคลายกับการแช่น้ำอุ่นในห้อง ภายในห้องสะอาด วิวสวยมากค่ะ
Comments