【ซีรี่ส์ปราสาทขึ้นชื่อ】แนะนำปราสาทและซากปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO

  • 30 พฤศจิกายน 2021
  • Monique Lu

【ซีรี่ส์ปราสาทขึ้นชื่อ】แนะนำปราสาทและซากปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO

ญี่ปุ่นมีแหล่งมรดกโลกมากมาย เช่น ธรรมชาติ อาคารประวัติศาสตร์ และแหล่งอารยธรรม ซึ่งหนึ่งในสมบัติล้ำค่าที่ไม่อาจทดแทนได้ซึ่งสืบทอดจากอดีตสู่ปัจจุบัน ก็คือ "ปราสาท" ที่คุณจะสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ครั้งนี้ กองบรรณาธิการ FUN! JAPAN เลยจะขอมานำเสนอและแนะนำปราสาทและซากปราสาทของญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO กันค่ะ!

"ปราสาทฮิเมจิ" เป็นปราสาทแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ตัวปราสาทได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

ปราสาทฮิเมจิ เป็นปราสาทแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ตัวปราสาทได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

ปราสาทฮิเมจิเป็นหนึ่งในปราสาทชั้นนำของญี่ปุ่น ได้รับเลือกให้เป็นสมบัติชาติของญี่ปุ่น เป็นหนึ่งใน 12 หอปราการปราสาทที่คงสภาพดั้งเดิมอยู่และเป็นหอปราการปราสาทที่ใหญ่ที่สุดที่คงสภาพดั้งเดิมอยู่ ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1993 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกในญี่ปุ่นโดยองค์การยูเนสโกร่วมกับวัดโฮริวจิในนารา ลักษณะของกำแพงดินสีขาวราวกับนกกระยางเริงระบำทำให้อยากถ่ายรูปเก็บไว้อย่างยิ่ง ในฤดูใบไม้ผลิก็ล้อมรอบด้วยดอกซากุระ และในฤดูใบไม้ร่วงก็มีใบไม้เปลี่ยนสี คุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับความงดงามได้มากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

"ปราสาทนิโจ" หนึ่งในส่วนประกอบของ "ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมแห่งเมืองหลวงโบราณเกียวโต"

ปราสาทนิโจ หนึ่งในส่วนประกอบของทรัพย์สินทางวัฒนธรรมแห่งเมืองหลวงโบราณเกียวโต

เกียวโตเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นที่จักรพรรดิ์เคยประทับอยู่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 794 ถึง 1868 และเกียวโตก็ยังเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมืองที่เจริญรุ่งเรืองเป็นเวลา 1,000 ปี เว้นเฉพาะเมื่อรัฐบาลที่บริหารโดยตระกูลซามูไรได้ย้ายศูนย์กลางทางการเมืองไปยังเมืองคามาคุระและเอโดะในยุคที่เกี่ยวข้อง จึงมีทรัพย์สินทางวัฒนธรรมมากมายและแสดงให้เห็นรูปแบบของแต่ละยุคสมัยดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ในปี 1994 วัดและศาลเจ้า 17 แห่งที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และภูมิทัศน์ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่อำเภอเมืองเกียวโต อย่างเช่น วัดโทจิซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 8 วัดคิโยมิสุเดระ วัดเบียวโดอิน และปราสาทนิโจที่ซึ่งอาคารที่งดงามในสมัยนั้นยังคงอยู่บนพื้นที่กว้างใหญ่ ทั้งหมดนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในฐานะ "ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมแห่งเมืองหลวงโบราณเกียวโต" (古都京都の文化財 / Historic Monuments of Ancient Kyoto) ปราสาทนิโจ หนึ่งในทรัพย์สินที่เป็นส่วนประกอบของมรดกโลกนี้ ก็เป็นสถานที่ที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของสมัยเอโดะค่ะ

"แหล่งกุสุกุและแหล่งมรดกที่เกี่ยวข้องของอาณาจักรริวกิว"

"แหล่งกุสุกุและแหล่งมรดกที่เกี่ยวข้องของอาณาจักรริวกิว" (琉球王国のグスク及び関連遺産群 / Gusuku Sites and Related Properties of the Kingdom of Ryukyu) ในโอกินาว่าได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกลำดับที่ 11 ในญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2000 มีตั้งแต่ซากปราสาทชูริ ซากปราสาทนาคิจิน ซากปราสาทซากิมิ ซากปราสาทคัตสึเรน ซากปราสาทนาคางุซุกุ ประตูหินโซโนเฮียน-อุทากิ ทามะโอะดง สวนชิกินาเอ็น และเซฟา-อุทากิ รวมกันเป็น 9 หมวดหมู่ อนึ่ง กุสุกุ (グスク / Gusuku) แปลว่า "ปราสาท" ในภาษาถิ่นของโอกินาว่าค่ะ

ซากปราสาทชูริ

ซากปราสาทชูริ

ซากปราสาทชูริมีความโดดเด่นมากกว่าที่อื่น ๆ ในยรรดากุสุกุที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกค่ะ ปราสาทชูริไม่ได้เป็นเพียงอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโอกินาว่าเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงภูมิปัญญาของคนในสมัยนั้นได้อย่างดี ซึ่งเป็นการนำรูปแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นและจีนมาใช้ และแสดงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมโอกินาว่าด้วย อาคารที่สร้างจำลองขึ้นใหม่ในบริเวณปราสาทชูริถูกทำลายโดยเหตุเพลิงไหม้ในปี 2019 นั้นยังรวมถึงห้องโถงหลัก โถงทิศเหนือ และโถงทิศใต้ด้วยค่ะ

ซากปราสาทนาคิจิน

ซากปราสาทนาคิจิน

หนึ่งในบรรดาปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดของในจังหวัดโอกินาว่า ยังเรียกกันด้วยชื่ออื่นอีกว่า "ปราสาทคิตายามะ" เพราะเป็นที่ประทับของกษัตริย์คิตายามะ ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเขาในสมัยซันซัง (三山時代 / Sanzan Period สมัยสามเขา มีกษัตริย์สามองค์แบ่งกันปกครองดินแดนสามดินแดนซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ภูเขาในดินแดนนั้น ๆ) ของอาณาจักรริวกิวในศตวรรษที่ 14 ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 100 เมตร และความยาวของกำแพงหินเรียงประมาณ 1500 เมตร การเรียงหิน (อิชิงากิ) ที่ใช้ที่นี่ก็ยังเป็นวิธีการก่ออิฐเรียงหินที่เก่าแก่ที่สุดที่เรียกว่า โนสึระสึมิ (野面積み / Nozurazumi การเรียงแบบไม่คัดขนาดหิน) นอกจากนี้ ยังมีแถวต้นซากุระฤดูหนาว (カンヒザクラ / Kanhi-zakura) ที่บานตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี และเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ขึ้นชื่อสำหรับการชมดอกซากุระในจังหวัดโอกินาว่าอีกด้วย

ซากปราสาทคัทสึเร็น

ซากปราสาทคัทสึเรน

ปราสาทคัตสึเร็นเป็นที่รู้จักในนามปราสาทแห่งอามาวาริ ซึ่งได้ก่อรัฐประหารในอาณาจักรริวกิวขึ้น กล่าวกันว่าเป็นปราสาทที่ไร้พ่ายซึ่งใช้หน้าผาตามธรรมชาติเป็นแนวป้องกัน ผนังตีเป็นเส้นโค้งที่ดูหรูหรา ให้ความงามราวกุลสตรี เมื่อปีนขึ้นไปด้านบน คุณจะเห็นทะเลสีฟ้าที่ส่องประกายเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้เป็นจุดที่มีทัศนียภาพสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในโอกินาว่า

ซากปราสาทนาคางุสุคุ

ซากปราสาทนาคางุสุคุ

เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นซากปราสาทที่เหลือองค์ประกอบต่าง ๆ อยู่มากที่สุดในบรรดากุสุกุของโอกินาว่า และคุณสามารถเห็นกำแพงหินโค้งและประตูโค้งอันวิจิตรบรรจงได้ ภูมิทัศน์งดงามมาก และเมื่อขึ้นไปยืนบนกำแพงหิน คุณจะเห็นทะเลจีนตะวันออกทางทิศตะวันตก มหาสมุทรแปซิฟิกทางทิศตะวันออก รวมไปจนถึงเกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทร ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ระดับความสูง 150 ถึง 170 ม. โดยมีหน้าผาสูงชันตั้งแต่ 15 ม. ขึ้นไปอย฿่ทางทางตะวันออกเฉียงใต้ และทางลาดชันทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จึงกล่าวได้ว่าปราสาทนั้นง่ายต่อการตั้งรับป้องกันและถูกโจมตีได้ยาก

ซากปราสาทซากิมิ

ซากปราสาทซากิมิ

ปราสาทซากิมิยังคงมีกำแพงหินที่ตีเป็นเส้นโค้งและประตูโค้งที่สวยงาม และกล่าวกันว่าประตูโค้งนี้ยังเป็นประตูโค้งที่เก่าแก่ที่สุดในโอกินาว่า วิวจากกำแพงที่คุณสามารถปีนขึ้นไปและเดินได้ก็สวยงามเช่นกัน คุณสามารถมองเห็นชูริในนาฮะทางทิศใต้ คาบสมุทรโมโตบุและเกาะอิเอะทางทิศเหนือ และหมู่เกาะเครามะทางทิศตะวันตกได้ด้วย

หนึ่งในแหล่งมรดกที่เกี่ยวข้องกับคริสตังที่ซ่อนเร้นในนางาซากิและอามาคุสะ "ซากปราสาทฮาระ"

หนึ่งในแหล่งมรดกที่เกี่ยวข้องกับคริสตังที่ซ่อนเร้นในนางาซากิและอามาคุสะ ซากปราสาทฮาระ
© NPTA

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2018 "มรดกที่เกี่ยวข้องกับคริสตังที่ซ่อนเร้นในแถบนางาซากิและอามาคุสะ"(長崎と天草地方の潜伏キリシタン関連遺産 / Hidden Christian Sites in the Nagasaki Region) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก มี 12 องค์ประกอบ เช่น โบสถ์คาทอลิกโออุระซึ่งเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และซากของปราสาทฮาระซึ่งเป็นสถานที่ก่อกบฏชิมาบาระ เป็นต้นค่ะ

ปราสาทฮาระเป็นปราสาทที่สร้างโดยผู้ครองแคว้นที่นับถือคริสตัง อาริมะ ฮารุโนบุ (有馬晴信 / Arima Harunobu) ระหว่างปี 1599 ถึง 1604 เป็นซากปรักหักพังของปราสาทที่กลายเป็นสนามรบหลักของ "กบฏชิมาบาระ" ที่ถูกปลุกระดมโดยชาวคริสต์ที่ซ่อนเร้นแห่งชิมาบาระและอามาคุสะในช่วงแรก ๆ ของการห้ามปราบเชิงศาสนา เป็นที่รู้จักในฐานะปราสาทที่มีผู้คน 37,000 คนนำโดยอามาคุสะ ชิโระ ยืนหยัดต้านทานการปราบปรามเป็นเวลาถึง 88 วันค่ะ

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend