น้องหมาน่ารัก: สุนัขอาคิตะชื่อดังของญี่ปุ่น

  • 22 มิถุนายน 2021
  • 8 เมษายน 2022
  • Lily Baxter
  • Mon

น้องหมาน่ารัก: สุนัขอาคิตะชื่อดังของญี่ปุ่น

Akita Inu หรือสุนัขพันธุ์อาคิตะ เป็นสุนัขญี่ปุ่นที่เป็นที่รักกันอย่างมาก เป็นที่รู้จักจากลักษณะคล้ายสุนัขจิ้งจอก หางโค้งน่ารัก และขนหนาสีส้มและสีขาวที่สวยงาม พวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นในหมู่คนที่รักสุนัขทุกที่ทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะชอบสุนัขหรือไม่ก็ตาม น้อง ๆ เหล่านี้น่ารักอย่างปฏิเสธไม่ได้ และไม่ว่าคุณจะอยู่ในบ้านเกิดของพวกมันที่จังหวัดอาคิตะหรือในกรุงโตเกียว ก็มีจุดให้ชมมากมาย

ลักษณะของสุนัขพันธุ์อาคิตะ

ลักษณะของสุนัขพันธุ์อาคิตะ

สุนัขอาคิตะมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ อาคิตะอินุ (หรือที่รู้จักในชื่อ อาคิตะญี่ปุ่น) และสุนัขอาคิตะอเมริกัน ทั้งสองเป็นสายพันธุ์ย่อยในพันธุ์ Spitz ซึ่งก็หมายความว่า พวกเขามีขนหนาสั้น หูแหลมและหางโค้งเหมือนสุนัขสปิตซ์นั่นเอง

สายพันธุ์อาคิตะมีขนสั้นสองชั้น และถือเป็นประเภทที่ทนทาน เหมาะสำหรับครอบครัว ถึงแม้ว่าจะหวงอาณาเขตบ้างก็ตาม แม้ว่าแฟน ๆ สุขัขพันธุ์นี้จะมองว่าน่ารักและน่าหลงไหล แต่สุนัขเหล่านี้ก็เหมาะที่จะเป็นสุนัขเฝ้าบ้านเนื่องจากพวกมันตอบสนองได้ดีต่อการฝึกและสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเจ้าของ

สายพันธุ์ญี่ปุ่นมีการเพาะพันธุ์สีขนที่เข้มงวด ในขณะที่พันธุ์อเมริกันจะปล่อยให้มีหลากหลายสีขน สีของสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่พบมากที่สุดเรียกว่า ura-jiro ซึ่งหมายถึงมีขนบริเวณใต้ท้องเป็นสีขาว และมักจะมาคู่กับขนด้านบนเป้นสีแทนหรือสีส้ม มีการถกเถียงกันว่าสายพันธุ์อาคิตะญี่ปุ่นและอาคิตะอเมริกันนั้นแยกจากกันเด็ดขาดหรือไม่ ทั่วโลกนั้นมองว่าเป็นคนละสายพันธุ์ อย่างไรก็ตาม ในอเมริกาพวกมันถือว่าเป็นสายพันธุ์เดียวกันแต่แยกเป็นสองสายพันธุ์ย่อยเสียมากกว่า

สุนัขอาคิตะพันธุ์ญี่ปุ่น

แม้ว่าสุนัขอาคิตะของญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันตามขนาดของสุนัข ถึงสุนัขอาคิตะโดยทั่วไปจะถูกจัดว่าเป็นสุนัขขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น แต่ในที่อื่น ๆ ในโลกก็จัดว่ามันอยู่ในขนาดกลาง ในการจัดขนาดสุนัขทางญี่ปุ่น มีพันธุ์ขนาดกลางอยู่ 5 พันธุ์: สุนัขชิบะ สุนัขไค สุนัขคิชู สุนัขฮอกไกโด และสุนัขชิโกกุ สุนัขชิบะก็มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดา 5 พันธู์สุนัขขนาดกลางนี้ มีขนาดใกล้เคียงกับแมวตัวใหญ่

ประวัติสุนัขอาคิตะญี่ปุ่น

ประวัติสุนัขอาคิตะญี่ปุ่น

มีต้นกำเนิดมาจากภูเขาทางตอนเหนือของญี่ปุ่น แต่เดิมสุนัขอาคิตะได้รับการฝึกเพื่อใช้ล่าหมูป่า หมี และสัตว์อื่น ๆ พวกเขาเป็นเพื่อนกับซามูไรมานานแล้ว และมีส่วนร่วมในกีฬาที่ให้สุนัขสู้กันเองในศตวรรษที่ 17 ซึ่งปัจจุบันก็เป็นกีฬาที่ถูกประณามเนื่องจากเป็นการทารุณสัตว์ ในขณะที่การเพาะพันธุ์สุนัขได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงทศวรรษ 1900 ลักษณะดั้งเดิมของสุนัขอาคิตะก็สูญหายไป แต่มีความพยายามพิเศษในการนำสุนัขเหล่านี้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยใช้สุนัขล่าสัตว์มาตากิของญี่ปุ่น

ลักษณะเด่นของสุนัขอาคิตะทำให้มันเหมาะสำหรับการฝึกเป็นสุนัขติดตามและสุนัขกู้ภัย ตลอดจนสุนัขเฝ้ายามระหว่างทำสงครามกับรัสเซียของญี่ปุ่นเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 หลังจากความนิยมในสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้นเนื่องมาจากความจงรักภักดีของฮาจิโค สุนัขอาคิตะที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติของญี่ปุ่น และได้มีการกำหนดมาตรฐานการเพาะพันธุ์อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สุนัขเหล่านี้เกือบสูญหายทั้งหมด หลายตัวถูกฆ่าเพื่อใช้เป็นอาหารและเสื้อผ้า และตัวที่เหลือรอดก็ถูกสั่งฆ่าเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคระบาด เจ้าของที่ระกสุนัขมาก ๆ ได้แอบปล่อยสุนัขของพวกเขาไปยังภูเขาเพื่อช่วยให้พวกเขารอดชีวิต และหลังจากสงครามจบก็ได้มีการพยายามทำให้พวกมันกลับมามีจำนวนที่มากจนรอดจากการสูญพันธุ์

สุนัขอาคิตะตัวแรกที่ถูกส่งไปต่างประเทศนั้นถูกส่งไปเป็นของขวัญให้กับนักเขียนชื่อดังและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิผู้ทุพพลภาพ Helen Keller ซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ของสายพันธุ์นี้มานานแล้ว สุนัขหลายตัวถูกนำกลับสหรัฐฯ โดยทหารอเมริกันหลังจากการยึดครองญี่ปุ่นหลังสงครามโลกยุติ และนำไปผสมข้ามพันธุ์กับ German Shepherds ซึ่งนำไปสู่การเกิดสายพันธุ์อเมริกัน

ในประเทศญี่ปุ่น มีการมอบรูปปั้นสุนัขอาคิตะขนาดเล็กให้กับเด็กแรกเกิดเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งอายุยืนและความสุข ความจงรักภักดีและความแข็งแกร่งของพวกเขาถูกมองว่าน่าชื่นชม และพวกเขาถือได้ว่าเป็นเหมือนแมวในด้านความพิถีพิถัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการดูแลตนเอง

สุนัขอาคิตะที่ขึ้นชื่อในญี่ปุ่น

สุนัขอาคิตะที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นก็คงไม่พ้น ฮาจิโค หลังจากได้คอยส่งเจ้านายไปและกลับจากที่ทำงานทุกวัน เขาก็ถูกทิ้งไว้ให้รอในบ่ายวันหนึ่งของเดือนพฤษภาคม อูเอโนะ ฮิเดซาบุโระ เจ้าของของเขา เสียชีวิตกะทันหันในที่ทำงาน และไม่ได้มาพบฮาจิโคด้วยรถไฟรอบ 4 โมงเย็นที่เขาขึ้นประจำ ฮาจิโคผู้ภักดีเดินไปที่สถานีเพื่อรอเจ้าของของเขาทุกวันจนถึงวันที่เสียชีวิตลงเก้าปีให้หลัง ไม่นานก่อนที่เขาจะเสียชีวิต รูปปั้นถูกสร้างขึ้นที่สถานีชิบูย่าเพื่อเป็นการระลึกถึงความจงรักภักดีของเขา ด้วยภาพยนตร์และหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเขา ฮาจิโคยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดีในวัฒนธรรมญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

นิทานจากญี่ปุ่นเกี่ยวกับสุนัขอาคิตะที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักและเก่าแก่กว่านั้นเป็นเรื่องสุนัขที่ชื่อ ชิโระ กับเจ้าของที่ชื่อว่า ซาดาโรคุ หลังจากที่ถูกจับโดยยามของขุนนางในท้องที่เมื่อซาดาโรคุกำลังล่าสัตว์จนเพลินและบังเอิญหลงเข้าไปในอาณาเขตของขุนนาง ซาดาโรคุได้ส่ง ชิโระ สหายผู้ซื่อสัตย์ของเขาไปนำเอาใบอนุญาตล่าสัตว์ของเขามายืนยัน แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ท่ามกลางหิมะที่หนาและลึก แต่สุนัขก็กลับมาถึงสายเกินกว่าจะช่วยเจ้านายของเขาได้ ซาดาโรคุถูกประหารชีวิตไปก่อนซะแล้ว จากนั้นภูมิภาคนี้ประสบกับเรื่องเลวร้ายหลายครั้ง จนมีการกล่าวกันว่าเป็นเพราะความพิโรธของชิโระ เพื่อให้ดวงวิญญาณของชิโระสงบ ศาลเจ้าก็ถูกสร้างขึ้นในบริเวณใกล้เคียง และยังคงสามารถเยี่ยมชมได้จนแม้ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในย่านคุสุวาระของโอดาเตะในจังหวัดอาคิตะ

รูปปั้นสุนัขอาคิตะในญี่ปุ่น

รูปปั้นสุนัขอาคิตะในญี่ปุ่น

ในขณะที่คนส่วนใหญ่ไปเยี่ยมชมรูปปั้นของฮาจิโคในชิบูย่า ที่ญี่ปุ่นก็ยังมีรูปปั้นอื่น ๆ ทั่วประเทศที่แปลกกว่า ตัวอย่างเช่น ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว รูปปั้นของฮาจิโคที่กลับมาพบกับเจ้าของของเขาอีกครั้งได้รับการเปิดเผยในปี 2015 เป็นการจบการจากลากันอย่างอบอุ่นหัวใจ

ในเมืองอาคิตะ เทศกาล Inukko ประจำปีจัดขึ้นโดยมีรูปปั้นน้ำแข็งขนาดยักษ์ของสุนัขอาคิตะที่แกะสลักด้วยความรักโดยช่างแกะสลักน้ำแข็งผู้เปี่ยวไปด้วยความสามารถ สุนัขจะแต่งกายด้วยเชือกตามแบบพิธีการของชินโตเพื่อให้รู้กันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สุนัขเหล่านี้เคยถูกเลี่ยงไว้ใช้งานเป็นนักล่าในภูมิภาคนี้มาหลายปีแล้ว และยังเป็นสุนัขที่อยู่ในใจของชาวอาคิตะมาจนถึงทุกวันนี้ ถนนหนทางในโอดาเตะเต็มไปด้วยสุนัขอาคิตะ ตั้งแต่การออกแบบฝาท่อระบายน้ำไปจนถึงการตกแต่งริมถนน

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวสุนัขอาคิตะ

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวสุนัขอาคิตะ

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Akita Dog Visitor Center เปิดให้บริการในปี 2019 เป็นจุดแวะพักแรกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่เดินทางมาถึงโอดาเตะ ไม่เพียงแค่มีนิทรรศการที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และบทบาทของสุนัขอาคิตะเท่านั้น แต่ยังมีการจัดแสดงสุนัขอาคิตะที่มีพรสวรรค์มากมายด้วย มีทูตสุนัขอาคิตะที่ทำงานเต็มเวลาสองอัตราในเมืองที่คอยต้อนรับผู้มาเยือนที่สถานีและศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และคอยให้ข้อมูลและคำแนะนำว่าควรทำอย่างไร สุนัขทั้งสองตัวคือ โชได  (Shodai) และ โอโมจิ (Omochi) ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายสถานีกิตติมศักดิ์เพื่อยกย่องการทำงานหนักของพวกมัน

ข้อมูลสถานที่

  • ชื่อสถานที่: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวสุนัขอาคิตะ (大館市観光交流施設「秋田犬の里 / Akita Dog Visitor Center)
  • ที่ตั้ง: 1-13-1, Onaricho, Odate, Akita,
  • ตำแหน่ง: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตั้งอยู่ตรงข้ามสถานี Odate บนสาย JR Hanawa และ Ou
  • เวลาทำการ: 09:00 - 17:00 น. (ห้องนิทรรศการสุนัข: 09:30 - 16:45 น.)
  • วันหยุดประจำ: สุนัขจะไม่ออกมาให้บริการในวันจันทร์

พิพิธภัณฑ์สุนัขอาคิตะ

พิพิธภัณฑ์สุนัขอาคิตะก่อตั้งขึ้นโดยสมาคมอนุรักษ์สุนัขพันธุ์อาคิตะ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสอนผู้เข้าชมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสุนัขอาคิตะ ที่ทางเข้าพิพิธภัณฑ์มีรูปปั้นของฮาจิโคตั้งอยู่ข้างสะพานสีแดงสด โดยสุนัขผู้แสนจะซื่อสัตย์ทำท่ามองไปที่บ้านเกิดของตน พิพิธภัณฑ์มุ่งมั่นที่จะสอนผู้เข้าชมเกี่ยวกับองค์ประกอบทั้งหมดของสุนัขอาคิตะ รวมถึงรูปแบบทางกายภาพ ความสำคัญทางวัฒนธรรม และคุณค่าทางสังคม มีสุนัขรอต้อนรับผู้มาเยือนทุกวันในสัปดาห์ รวมถึงเจ้า "ยูกิ" ขนสีขาวที่เป็นพนักงานต้อนรับและเพื่อนของเธอ "คุโรเบ" "กิน" "ปูโกะ" และ "มาโดกะ" ซึ่งมีขนสีแดงกันทั้งหมด

ข้อมูลสถานที่

  • ชื่อสถานที่: พิพิธภัณฑ์สุนัขอาคิตะ (秋田犬会館 / Akita Dog Museum)
  • ที่ตั้ง: 13-1 Sannomaru, Odate, Akita, Japan
  • ตำแหน่ง: พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะเคโจ ใช้เวลาเดินเพียง 15 นาทีจากสถานี Higashi Odate บนสาย JR Hanawa
  • เวลาทำการ: 09:00 - 16:00 น.
  • วันหยุดประจำ: ทุกบ่ายวันเสาร์ ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. - 20 เม.ย. และปิดทำการช่วงปีใหม่ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. - 3 ม.ค. และช่วงบ่ายของวันที่ 13 ส.ค.

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend