<<คำขอพรต่อเทพเจ้า>> เขียนคำอธิษฐานขอพรจากเทพเจ้ากันเถอะ (ﾟ∀ﾟ人)

“เอะมะ” คือแผ่นป้ายไม้เขียนคำอธิษฐานขอพรที่เรามักเห็นตามวัดหรือศาลเจ้าของประเทศญี่ปุ่น เมื่อตรงตัวตามตัวอักษรคันจิ จะแปลว่า”รูปวาดม้า” ที่ในสมัยก่อนจะนิยมวาดรูปม้าลงหลังแผ่นป้ายเอะมะนี้ เพราะชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อนมักจะนำม้ามาถวายให้ศาลเจ้าเพื่อเป็นสื่อในการขอพรต่อเทพเจ้า เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปจงปรากฏเพียงภาพวาดบนแผ่นไม้แทน

ปัจจุบันเอะมะมีลวดลายมากมายตามตำนานของแต่ละศาลเจ้า บางแห่งเป็นแผ่นไม้ทรงห้าเหลี่ยม บางแห่งเป็นวงกลม, สามเหลี่ยม, รูปการ์ตูนและอื่นๆ เช่น ศาลเจ้าแห่งความรักก็จะมีแผ่นป้ายเอะมะเป็นรูปหัวใจ, ศาลเจ้าสำหรับคนค้าขายก็จะมีแผ่นป้ายเอะมะเป็นรูปแมวกวัก

ศาลเจ้าบางแห่งก็จะมีรูปวาดหรือรูปทรงของแผ่นป้ายเอะมะที่แตกต่าง เช่น ศาลเจ้าแห่งเกาะมิยาจิมะก็จะมีรูปประตูโทริสีแดงขนาดใหญ่, ศาลเจ้า Tsuyunoten Shrine ในจังหวัดโอซากะ ที่เป็นรูปหน้าผู้หญิงเกล้าผมทรงโบราณ ที่โด่งดังในเรื่องความรักและความงามตามรูปหน้าหญิงสาวที่ผู้มาขอพรวาดไว้

ศาลเจ้าบางแห่งมีแผ่นป้ายเอะมะหลายแบบให้เลือก หรือออกแบบพิเศษเพื่อเทศกาลสำคัญหรือฤดูกาลต่างๆ เช่น เทศกาลวันเด็กผู้หญิงหรือฤดูที่ดอกซากุระบาน

: ‡ : ประวัติของเอะมะ : ‡ :

ม้าเป็นพาหนะที่ถวายให้เทพเจ้าเพื่อเป็นสื่อกลางตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น แต่การที่จะถวายม้าทุกครั้งในการขอพรสําหรับคนธรรมดาทั่วไปนั้นเป็นเรื่องยาก อีกทั้งทางศาลเจ้าไม่มีกำลังคนและกำลังทรัพย์ที่จะดูแลม้าได้มากพอ จึงมการดัดแปลงเป็นถวายรูปภาพม้า กลายเป็นแผ่นป้ายไม้”เอะมะ” แทน และเป็นที่นิยมจวบจนในปัจจุบัน

ในปัจจุบันมีการพิมพ์ภาพลวดลายต่างๆลงบนแผ่นไม้แทนการวาดภาพ บางแห่งก็เขียนเป็นบทสวด , ปีนักษัตร, ภาพบุคคล, ภาพการ์ตูน, มีการใส่ความคิดสร้างสรรค์ในการทำแผ่นป้ายเอะมะ สีสันต์และรูปทรงที่สื่อถึงตำนานของศาลเจ้า เช่น เป็นรูปเสาโทริอิ

ผู้คนในปัจจุบันมักจะใส่ความตั้งใจผ่านแผ่นป้ายอธิษฐานขอพรนี้ บ้างก็เขียนเป็นตัวอักษร บ้างก็วาดเป็นภาพ ตามที่เห็นได้ทั่วๆไปในศาลเจ้า

แผ่นป้ายเอะมะยังเป็นที่นิยมของนักสะสมของเก่าอีกด้วย ด้วยคุณค่าของภาพวาดที่บางภาพถูกวาดโดยศิลปินที่มีชื่อเสียง บางภาพก็บอกเล่าเรื่องราวเก่าแก่ผ่านยุคสมัย อีกทั้งยังมีหลายขนาด จึงกลายเป็นของที่มีมูลค่ามากตามคุณค่าของเอะมะนั้นๆ

ผู้ที่มาขอพรจึงมักเขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นป้าย การเขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นป้ายนี้จึงเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องพิธีกรรมทางศาสนาของประเทศญี่ปุ่นศาลเจ้าแต่ละที่จะมีตำนานเรื่องโด่งดังที่แตกต่างกันไป ดังนั้นผู้ที่มาขอพรจึงควรรู้เบื้องต้นด้านความศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละศาลเจ้าด้วย

: ‡ : วิธีการขอพรจากเอะมะ : ‡ :

เมื่อไปศาลเจ้าในประเทศญี่ปุ่น หลายๆศาลเจ้าหรือวัดในศาสนาชินโตมักจะมีแผ่นป้ายเอะมะขายอยู่ที่สำนักงานภายในศาลเจ้าหรือบางแห่งจะมีให้หยิบเองแล้วหยอดเงินใส่กล่องบริจาค โดยราคาของแผ่นป้ายเอะมะมักจะอยู่ที่ 500-1,000 เยน แล้วแต่ศาลเจ้าแต่ละแห่ง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาศาลเจ้า

ใกล้ๆบริเวณที่ให้แขวนแผ่นป้ายเอะมะมักจะมีโต๊ะให้เขียนคำอธิษฐานพร้อมปากกาเมจิคอยบริการ คนต่างชาติไม่จำเป็นต้องเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อขอพร สามารถเขียนภาษาของตนเองลงไปได้เลย (ทำนองว่าเทพเจ้าสามารถรับรู้ด้วยใจของเรา ไม่เกี่ยวกับภาษา (*￣m￣))

โดยปกติจะเขียนคำอธิษฐานขอพรลงหลังแผ่นป้ายแล้วเขียนชื่อ หลายคนจะ เขียนที่อยู่และลงวันที่เมื่อเขียนคำอธิษฐานเสร็จจึงนำมาแขวนในแท่นที่ทางศาลเจ้าจัดไว้ ก็เป็นอันเสร็จพิธี

: ‡ : การวาดรูปการ์ตูนลงบนเอะมะ : ‡ :

ในระยะหลังมีคนนิยมวาดภาพการ์ตูนลงบนแผ่นป้าย เรียกว่า”อิตะเอะมะ” ที่แทนความหมายว่า แผ่นป้ายเอะมะที่เจ็บปวด เพราะแทนที่จะเขียนคำอธิษฐานขอพรลงไปอย่างเดียว แต่กลับเขียนรูปภาพลงไปแทนที่

เช่นศาลเจ้าฟูชิมิอินาริในจังหวัดเกียวโต เอะมะจะเป็นรูปหน้าสุนัขจิ้งจอก ตามเทพเจ้าประจำศาลเจ้า คนที่มาขอพรจึงมักจะวาดหน้าตาให้สุนัขจิ้งจอก บ้างวาดเป็นหน้าตาน่ารัก บ้างวาดจากคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนจากอนิเมชั่นซึ่งเป็นผลงานที่เกี่ยวข้องกับโลเคชั่นเมืองเกียวโต

”อิตะเอะมะ” ไม่ใช่การเล่นสนุกของคนที่อยากวาดรูปเท่านั้น แต่เป็นการสักการะในรูปแบบหนึ่งสำหรับคนที่มีความชื่นชอบในผลงานการ์ตูนและอนิเมชั่น ต้องการเป็นกำลังใจให้แก่ผู้เขียน, ทีมงานและสำนักพิมพ์และต้องการสร้างชื่อเสียงที่ดีให้แก่ผลงานนั้นๆแน่นอน

เกิดเป็นกระแสในการท่องเที่ยวที่แตกต่าง คือ การท่องเที่ยวเพื่อชมผลงานอิตะเอะมะ จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทำให้ทางศาลเจ้ามีความครึกครื้นขึ้น สร้างบรรยากาศที่แตกต่าง แต่ในอีกมุมมองหนึ่งอิตะเอะมะก็ถูกมองว่าเป็นการลบหลู่เทพเจ้า ไม่เคารพสถานที่และถูกมองว่าเป็นเรื่องสนุกสนานตามกระแสสังคม 

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ขณะเขียนเอะมะขอพรก็เชื่อว่าทุกคนจะใส่ความตั้งใจในการอธิษฐานส่งผ่านความปรารถนาดีไปยังเทพเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง