<<พาไปชม>>เบปปุ!! เมืองแห่งบ่อนรกน้ำพุร้อน

  • 17 ตุลาคม 2018
  • 11 กันยายน 2019
  • FUN! JAPAN Team

เบปปุ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องบ่อน้ำพุร้อนของจังหวัดโออิตะ ในภูมิภาคคิวชู เป็นเมืองออนเซนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวนิยมมาแช่ออนเซนหรืออบทรายร้อนริมทะเลกัน โดยมีทัวร์ที่สำคัญ คือ ทัวร์บ่อนรกทั้งแปด ซึ่งในแต่ละบ่อจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน

<<พาไปชม>>เบปปุ!! เมืองแห่งบ่อนรกน้ำพุร้อน

การท่องเที่ยวในเมืองเบปปุ

เมืองนี้มีแหล่งท่องเที่ยวหลักเกี่ยวกับน้ำพุร้อน, ออนเซนและสถานที่อื่นๆ อาทิเช่น

  • บ่อน้ำร้อน (Jigoku) ทั้งแปด
  • กระเช้าเบปปุ ที่บริเวณเขาสึรุมิ
  • ทากาวาระ ออนเซน (Tagawara Onsen)
  • บ่อทรายร้อนชายหาดเบปปุ
  • แอฟริกัน ซาฟารี (African Safari)
  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำยูมิตะมาโกะ (Oita Marine Palace Aquarium Umitamago)
  • สวนสนุกคิตาจิมะ โคเกน (Kijima Kogen Park)
  • สวนสัตว์ทาคาซากิยามะ (Takasakiyama Natural Zoo)
  • ทะเลสาปชิดาคาโกะ (Shidakako Lake)

และอื่นๆที่น่าสนใจ หากจะเที่ยวให้หมดอาจใช้เวลา 2-3 วันทีเดียว

ทัวร์บ่อนรกน้ำพุร้อนทั้งแปด หรือ Jigoku

ที่สถานี Beppu จะมีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์อยู่ สามารถเข้าไปขอตารางเดินรถและแผนที่ท่องเที่ยวได้ มี Pass ที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้ คือ My Beppu Free Pass สำหรับตั๋ว ONE-DAY ราคา 900 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ราคา 450 เยน สามารถนั่งรถบัสฟรีได้ตลอดทั้งวันโดยไม่จำกัดเที่ยว

เมืองนี้โด่งดังได้เพราะคุณลุงอารมณ์ดี Pika Pika Oji san ที่มีรูปปั้นอยู่หน้าสถานี เป็นบุคคลที่สำคัญมากต่อการท่องเที่ยวเมืองเบปปุ และทัวร์บ่อนรกน้ำพุร้อนทั้งแปดนี้ก็เป็นผลงานของคุณลุง (ทัวร์นรกจิโกกุเป็น ทริปพาเที่ยวน้ำพุร้อนธรรมชาติ 8 แห่งที่เรียกว่า Jigoku หรือ”นรก”)

การเดินทางไปยังบ่อนรกน้ำพุร้อนทั้งแปด

วิธีที่ 1 ลงป้ายรถบัส Chinoike Jigoku ชม 2 บ่อก่อนแล้วนั่งรถลงป้ายรถบัส Kannawa ชมอีก 6 บ่อที่เหลือ

วิธีที่ 2 ลงป้ายรถบัส Umi Jigoku Mae ชม 6 บ่อก่อนแล้วนั่งรถลงป้ายรถบัส Chinoike Jigoku ชมอีก 2 บ่อที่เหลือ

ซึ่งคนส่วนมากมักจะชม 6 บ่อก่อน แล้วจึงชม 2 บ่อที่เหลือ

บ่อนรกน้ำพุร้อนทั้ง 8 บ่อแห่งเมืองเบบปุ (Beppu Jigoku Meguri) เมืองที่มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติมากที่สุดในญี่ปุ่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีบ่อน้ำแร่ธรรมชาติโดดเด่นแปลกตาที่มีมากถึง 8 บ่อ โดย 6 บ่ออยู่ในเขตคันนะวะ (Kannawa) ประกอบด้วย Umi Jigoku, Oniishibozu Jigoku, Shiraike Jigoku, Kamado Jigoku, Oniyama Jigoku, Yama Jigoku และอีก 2 บ่ออยู่ในเขตชิบะเซะกิ (Shibaseki) ประกอบด้วย Chinoike Jigoku และ Tatsumaki Jigoku ตั้งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก แต่ละบ่อล้วนแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะบ่อที่แตกต่างกันไป

บ่อนรกน้ำพุร้อนทั้ง 8 บ่อแห่งเมืองเบบปุ (Beppu Jigoku Meguri)

• Chinoike Jigoku เป็นบ่อที่มีน้ำสีแดง สีของน้ำในบ่อเกิดมาจากดินสีแดงที่อยู่บริเวณนั้นถูกน้ำร้อนธรรมชาติทำปฏิกิริยาที่ความร้อนระอุถึง 78 องศา บ่อนี้มีความสวยงาม และแปลกกว่าบ่ออื่น เนื่องจากน้ำ และไอน้ำเป็นสีแดงเลือด ด้านในมีร้านขายของที่ระลึกของฝากขนาดใหญ่ และมีที่นั่งให้แช่เท้า น้ำในบ่อมีสีแดงปนสีน้ำตาล

• Umi Jigoku เป็นบ่อที่มีสีฟ้าสดใสได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก รอบๆ บริเวณนี้มีสวนสวยงามและมีศาลาแช่เท้าอยู่ใกล้ๆ บ่อนี้มีความหมายเป็นภาษาไทยว่า “ทะเลเดือด” เนื่องจากว่าน้ำในบ่อนี้เป็นสีฟ้า เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟสึรุมิ (Mt. Tsurumi) ราว 1,200 ปีที่แล้ว น้ำในบ่อเป็นน้ำสีฟ้าเดือด หรือสี Cobalt blue บ่อสีน้ำทะเล อุณหภูมิน้ำสูงถึง 98 องศา มีควันลอยเหนือน้ำตลอดเวลา บรรยากาศรอบบ่อมีใบไม้เปลี่ยนสี (เดือนพฤศจิกายน) และมีเสาโทริอินำขึ้นไปยังศาลเจ้าเบปปุ ฮาคุริว (Beppu Hakuryu Inari)

บ่อนรก Umi Jigoku ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีบ่อย่อย เป็นบ่อสีแดงเลือดผสมโคลน และมีโรงเรือนปลูกบัว แต่ก่อนโรงเรือนแห่งนี้ปลูกต้นกระบองเพชร แต่เพิ่งจะเปลี่ยนมาปลูกบัวแทน

บ่อนี้แม้น้ำจะร้อนเกินกว่าจะลงไปแช่ได้ แต่ก็มีผงน้ำแร่ (Maguma-Onsen) วางจำหน่ายในร้านขายของที่ระลึกและบ่อให้แช่เท้าได้

• Oniishibozu Jigoku เป็นโคลนเดือด จะเห็นฟองน้ำเดือดปุดๆตลอดเวลา มีบ่อย่อยอีก 2-3 บ่อ ชื่อบ่อนี้ได้มาจากโคลนที่อยู่ในบ่อเกิดการเดือด ลักษณะเป็นลูกกลมคล้ายศรีษะพระที่โกนผม โคลนในบ่อมีลักษณะคล้ายน้ำปูนเปียก แต่ละบ่อมีโคลนเดือดขึ้นมาหลายวง ควันดูไม่มากเมื่อเปรียบเทียบกับบ่ออื่น มีบ่อน้ำร้อนให้แช่เท้าได้

• Yama Jigoku เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากโขดหิน เกิดกลุ่มควันขาวปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้าเสียงดังฟู่ ๆ อยู่ตลอดเวลาและยังมีสวนสัตว์ย่อมๆ ซึ่งมีทั้งนกฟลามิงโก้, ฮิปโปโปเตมัส, นกยูง, ลิงและสัตว์อื่นๆ ให้ชม นักท่องเที่ยวสามารถซื้ออาหารให้สัตว์ได้

• Kamado Jigoku เป็นจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยว จึงเป็นบ่อที่มีพนักงานคอยประจำอยู่ มีความหมายเป็นภาษาไทยว่า “เตาอบนรก” ที่มาของชื่อบ่อมาจากในสมัยก่อนมีการใช้ความร้อนของบ่อนี้ในการประกอบอาหาร ด้านในมี 6 บ่อเล็ก มีจุดแช่เท้า

มีน้ำร้อนจากบ่อให้นักท่องเที่ยวได้ลองดื่มและจำหน่ายอาหารที่ปรุงสุกด้วยความร้อนจากน้ำร้อน มีเมนู”พุดดิ้งโชยุบ่อนรก” และ “ไข่เยี่ยวม้าออนเซน” เป็นเมนูยอดนิยม

มีรูปปั้นปีศาจอยู่บนเตาประกอบอาหารเป็นสัญลักษณ์ของบ่อ น้ำในบ่อใสมากมีสีฟ้าขาว สสารสีฟ้า-ขาวในบ่อประกอบด้วย ซิลิกา หรือ ซิลิกอนไดออกไซด์ (SiO2) และตะกอนของบ่อ

• Oniyama Jigoku มีความร้อนสูงถึง 99.1 องศา บ่อนี้ไม่ได้มีความโดดเด่นที่น้ำพุร้อน น้ำในบ่อเป็นน้ำร้อนธรรมดา แต่มีจุดเด่นอยู่ที่มีการนำไอน้ำร้อนมาเลี้ยงจระเข้ โดยเลี้ยงเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1923 ที่นี่มีจระเข้มากกว่า 80 สายพันธุ์ จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า “บ่อนรกจระเข้”

มีช่วงเวลาพิเศษ คือ ช่วงแสดงโชว์ให้อาหารจระเข้ในวันพุธและวันเสาร์ นักท่องเที่ยวจะได้ชมจระเข้กระโดดงับอาหาร

• Shiraike Jigoku น้ำในบ่อจะมีสีเงินยวงหรือดูขาวขุ่น คล้ายน้ำนม มีไอน้ำร้อนลอยขึ้นจากบ่อ เมื่อยืนอยู่ใกล้บ่อจะรู้สึกอุ่น มีสวนสไตล์ญี่ปุ่นบริเวณรอบบ่อ มีศาลาให้พักชมความงามของสวน อุณหภูมิน้ำ 95 องศา ภายในมีตู้ปลาปิรันยา ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นสามารถนำเข้าเพื่อเป็นปลาเลี้ยงสวยงามโดยถูกกฎหมายได้ ต่างกับประเทศไทยที่ต้องนำเข้าเป็นรูปแบบอาหารแช่แข็งเท่านั้น

• Tatsumaki Jigoku จุดนี้จะมีที่นั่งให้นั่งรอชมน้ำพุร้อน ที่จะพุ่งขึ้นมาในทุกๆ 30 – 40 นาที ในแต่ละครั้งน้ำพุจะพุ่งขึ้นมาพร้อมกับไอน้ำร้อนเพียง 1 ครั้งเป็นเวลา 6 – 10 นาที โดยจะมีแผ่นหินกั้นไม่ให้น้ำพุ่งขึ้นไปสูง น้ำพุ่งออกมามีแรงดันค่อนข้างมาก รับรู้ได้ถึงความร้อนผ่านทางละอองน้ำรอบบ่อที่ฟุ้งกระจายไปรอบๆ บ่อนี้มีขนาดเล็กที่สุดจากทั้งหมด 8 บ่อ และเป็นบ่อไกเซอร์เพียงบ่อเดียว ( Geyser บ่อน้ำพุร้อนที่มีกำลังแรงมาก มีน้ำและไอน้ำที่ร้อนจัดพุ่งขึ้นมาได้สูงและมีแรงพุ่งออกมาเป็นระยะๆ ค่อนข้างสม่ำเสมอ) มีแหล่งกำเนิดน้ำพุที่ใต้ดินลึกลงไปราว 50 เมตร อุณหภูมิของน้ำใต้ดินราว 150 องศา

ค่าใช้จ่ายในการเข้าชมบ่อนรกทั้งแปด

สำหรับบัตรเข้าชมทั้ง 8 บ่อของผู้ใหญ่ราคา 2,100 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมปลายราคา 1,350 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมต้นราคา 1,000 เยน และนักเรียนชั้นประถมราคา 900 เยน หากซื้อแยกบ่อจะราคาบ่อละ 400 เยน

บ่อนรกน้ำพุร้อนทั้งแปด เปิดบริการในเวลา 8:00-17:00 น. ไม่มีวันหยุดทำการ

นอกจากบ่อน้ำพุร้อนแล้วที่นี่ยังมีสระบัวกระด้ง ซึ่งมีใบบัวขนาดใหญ่ ถูกเลี้ยงด้วยน้ำพุร้อนที่ไหลผ่านภายในท่อที่ติดตั้งอยู่ภายในบ่อ เพื่อเก็บรักษาอุณหภูมิให้พอเหมาะกับการเติบโตของไม้ดอกเขตร้อน ในวันที่ 13-15 สิงหาคมของทุกปีจะเปิดให้เด็กที่มีน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม สามารถขึ้นไปบนใบบัวได้

การท่องเที่ยวเมืองเบปปุ มักจะเที่ยวคู่กับเมืองยูฟุอิน ทั้งสองเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องออนเซนเหมือนกัน นอกจากออนเซนแล้ว เมืองเบปปุยังมีการอบด้วยทรายร้อน และไอน้ำ เชื่อกันว่าการแช่ออนเซน ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง คลายการเมื่อยล้า 

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend