คู่มือช้อปสุดคุ้มที่ญี่ปุ่น! แนะนำร้านยอดนิยมที่คันไซของ Mitsukoshi Isetan & ช้อปสุดคุ้มกับแอปพลิเคชัน!

ผู้ที่วางแผนจะมาช้อปปิ้งที่ภูมิภาคคันไซของญี่ปุ่น เตรียมตัวพร้อมหรือยังคะ?

มาค้นพบโลกแห่งแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ LUCUA 1100 (อ่านว่า “อีเระ”) และ JR Kyoto Isetan กันเถอะ!

รับรองว่าห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งสองห้างนี้จะทำให้ประสบการณ์การช้อปปิ้งของคุณในโอซาก้าและเกียวโตเป็นที่น่าจดจำอย่างแน่นอน♪

นอกจากนี้ ยังตั้งอยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยม เดินทางสะดวกสบาย ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งได้อย่างเต็มที่

ยิ่งไปกว่านั้น Mitsukoshi Isetan ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ล่าสุด “MITSUKOSHI ISETAN JAPAN” เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้การช้อปปิ้งของคุณสะดวกสบายและคุ้มค่ายิ่งขึ้น!

นอกจากจะสามารถเช็คข้อมูลใหม่ล่าสุดได้แล้ว ยังสามารถใช้คูปองพิเศษเมื่อแวะมาที่ร้านได้อีกด้วย ไม่ใช้ไม่ได้แล้วนะเนี่ย!

เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าที่ LUCUA 1100 และ  JR Kyoto Isetan จะมีอะไรให้เลือกซื้อ เลือกทานกันบ้าง

ตรวจสอบรายละเอียดของแอปพลิเคชันและ Mitsukoshi Isetan ได้ที่นี่

💡 ดาวน์โหลด “แอปพลิเคชัน Mitsukoshi Isetan” 

แนะนำสถานที่ช้อปปิ้งในโอซาก้า: LUCUA 1100 

LUCUA osaka เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งเหนือของสถานี Osaka เนื่องจากห้างแห่งนี้เชื่อมต่อกับสถานี Osaka ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่พลุกพล่านที่สุดในญี่ปุ่น ทำให้สามารถเดินทางไปได้สะดวกอีกด้วย!

ตัวอาคารประกอบด้วย 2 ส่วน คือ LUCUA และ LUCUA 1100 โดยร้านค้าของ Isetan จะตั้งอยู่ใน LUCUA 1100

 

ตัวอาคารได้รับการออกแบบให้มีบรรยากาศที่ทันสมัย โปร่งสบาย และทำให้ผู้ที่มายังที่นี่สามารถเดินช้อปปิ้งได้อย่างสบายๆ♪ นอกจากนี้ เนื่องจากเชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี Osaka ทำให้เดินทางสะดวกแม้จะเป็นวันที่ฝนตกก็ตาม!

ร้านที่ห้ามพลาดและสินค้าที่ต้องซื้อเมื่อไป LUCUA 1100  

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและร่างกายจากแบรนด์ยอดฮิต 

“Yojiya” แบรนด์เก่าแก่กว่า 100 ปีที่ยังคงเปล่งประกายข้ามกาลเวลา 

Yojiya เป็นแบรนด์จากเกียวโตที่เน้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายใต้แนวคิด "ความอ่อนโยน" "การมีประโยชน์" และ "ความน่าตื่นเต้น" ที่นี่มีสินค้ามากมายที่เหมาะสำหรับเป็นของฝาก คุณสามารถทดลองผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่หน้าร้านได้อย่างเต็มที่เพื่อหาสินค้าที่ถูกใจที่สุด

สินค้าขึ้นชื่อของ Yojiya คือ กระดาษซับมัน ผลิตจากกระดาษญี่ปุ่นแบบพิเศษ ซึ่งจะช่วยซับความมันส่วนเกินโดยคงความชุ่มชื้นไว้อย่างดีทำให้เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก

นอกจากนี้ ในปี 2025 “Yojiya” ได้ปรับโฉมแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 60 ปี! โลโก้ใหม่ถูกเปิดตัวพร้อมกับคาแรคเตอร์น่ารักตัวใหม่ชื่อว่า “โยจิโกะ” ที่มาพร้อมสินค้าสุดน่ารักมากมาย Yojiko มีต้นกำเนิดมาจากสาวสวยเกียวโตที่สะท้อนอยู่บนกระจกพกพาซึ่งอยู่บนซองกระดาษซับมัน โดยมีเรื่องราวว่าหญิงสาวคนนี้กระโดดออกมาจากกระจก “เพื่อให้แบรนด์ดูเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น” อย่าลืมแวะมาที่ร้านและเลือกซื้อของที่ระลึกของโยจิโกะกลับไปด้วยนะ♪

 “meeth” แบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเผยความงามจากผิวธรรมชาติ

meeth แบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรีเมียมจากญี่ปุ่นที่มีคอนเซปต์คือ "ผิวสวย คือ เครื่องประดับที่ดีที่สุด" จุดเด่นของแบรนด์คือการเน้นใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ และพิถีพิถันในการคัดเลือกส่วนผสมที่ดีที่สุด เช่น ส่วนผสมที่สกัดจากน้ำทะเลลึกเมืองอิวาไน จังหวัดฮอกไกโด ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุและมีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นสูง นอกจากนี้ ยังปราศจากสารแต่งเติมที่ไม่จำเป็น เพื่อให้เหมาะกับทุกสภาพผิว และทุกวัย แม้จะเป็นผิวแพ้ง่ายก็ตาม 

สินค้ายอดนิยม Morerich Essential Lotion 

โลชั่นที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก เหมาะสำหรับผิวแห้ง และผิวที่ต้องการความเปล่งปลั่ง และอีกหนึ่งสินค้ายอดนิยมคือ Skin Repair Night Cream ครีมบำรุงกลางคืนที่ช่วยฟื้นฟูผิวขณะนอนหลับ ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น และลดการอักเสบ 

ผ่อนคลายไปกับ “SABON” บอดี้แคร์ที่เติมเต็มความสุขผ่านทั้งห้าประสาทสัมผัส 

SABON เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกายและของใช้ในบ้านจากเทลอาวีฟ อิสราเอลซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1997 ชื่อแบรนด์ "SABON" มาจากคำภาษาฮิบรูที่แปลว่า "สบู่" ซึ่งสะท้อนถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์จากการผลิตสบู่แฮนด์เมด

FUN! JAPAN ขอแนะนำสครับเกลือ “Black Body Scrub Dead Sea” ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เผยผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น พร้อมกลิ่นหอมลึกลับที่ติดทนนาน

 

นอกจากนี้ ยังมีคอลแลคชั่น SABON TOKYO ที่วางจำหน่ายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้นอีกด้วย กลิ่นหอมของคอลเลคชั่นนี้ไม่หวานเลี่ยน และไม่สดชื่นจนเกินไป ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว มอบความรู้สึกผ่อนคลายและเย้ายวนใจแบบที่หาไม่ได้จากที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสินค้าให้เลือกหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแฮนด์ครีม บอดี้สครับ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ถ้าได้มาช้อปปิ้งแล้วละก็ อย่าลืมแวะมาดูสินค้าลิมิเต็ดของญี่ปุ่นเหล่านี้กันนะ!

 

อีกหนึ่งสินค้าลิมิเต็ดของญี่ปุ่นคือช้อนรูปหัวใจสุดน่ารัก

นอกจากจะสามารถใช้ตักสครับได้สะอาดแล้ว ยังทำมาจากโลหะผสมสังกะสี ทำให้สามารถใช้ได้หลายครั้งเลย

แบรนด์แฟชั่นที่ถ่ายทอดเสน่ห์แบบญี่ปุ่นผ่านสินค้าและบริการที่ไม่เหมือนใคร   

“L.L.Bean” แบรนด์ที่สามารถใส่ได้ทั้งในเมืองและเอาท์ดอร์! 

L.L.Bean เป็นแบรนด์สินค้าเอาท์ดอร์และไลฟ์สไตล์จากสหรัฐอเมริกาซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1912 แบรนด์นี้เริ่มต้นจากการผลิตรองเท้าบูทกันน้ำ Maine Hunting Shoe (หรือ Bean Boots) อันโด่งดัง และยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

ถึงแม้ว่าจะเป็นแบรนด์สินค้าเอาท์ดอร์ แต่ก็โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย ทำให้สามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

 

สินค้าแนะนำคือรองเท้าบูทกันน้ำที่เป็นต้นกำเนิดของแบรนด์ และกระเป๋าผ้าแคนวาสสุดคลาสสิกที่ทนทานมาก โดยนิยมนำมาปักชื่อกันด้วย

*การปักตัวหนังสือใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในกรณีที่เป็นสัญลักษณ์หรือโลโก้จะใช้เวลาประมาณ 5 วัน

นอกจากนี้ ยังมีเสื้อผ้า และอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมเอาท์ดอร์ เช่น เสื้อแจ็คเก็ตกันหนาว เสื้อฟลีซ เต้นท์ ถุงนอน และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย!

 “va vendome aoyama” แบรนด์ที่เหมาะสำหรับทั้งเป็นของขวัญให้ตัวเอง และเป็นของขวัญให้กับคนสำคัญ!

va vendome aoyama เป็นแบรนด์เครื่องประดับจากญี่ปุ่น โดยมีคอนเซ็ปต์คือ "เครื่องประดับที่มาพร้อมกับความสุข และความตื่นเต้นในทุกๆ วันเป็นของขวัญที่สมบูรณ์แบบ"

สร้อยคอของ va vendome aoyama ให้ความสำคัญกับคุณภาพและการออกแบบที่หลากหลาย ดีไซน์ของเครื่องประดับมีหลากหลาย ตั้งแต่แบบเรียบง่ายที่เหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงแบบหรูหราสำหรับโอกาสพิเศษ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การใช้ “หินประจำเดือนเกิด” เป็นองค์ประกอบหลัก

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าหลากหลายในราคาสบายกระเป๋า เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเลือกซื้อเครื่องประดับ และยังเหมาะเป็นของขวัญวันเกิดหรือของขวัญในโอกาสพิเศษให้กับตัวเองหรือคนสำคัญอีกด้วย

 

สินค้าแนะนำคือแหวน Color Chain Ring ซึ่งเป็นแหวนโซ่สีสันสดใสที่ถูกออกแบบให้เป็นฟรีไซส์ ทำให้คุณสามารถเปลี่ยนนิ้วใส่ หรือเปลี่ยนสไตล์ได้ตามใจชอบในแต่ละวันเลย

“999.9” แบรนด์แว่นตาที่โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหราพร้อมฟังก์ชันการใช้งาน  

999.9 (Four Nines) เป็นแบรนด์แว่นตาชั้นนำจากญี่ปุ่น ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1995

ชื่อ "999.9" มาจากความบริสุทธิ์ของทองคำแท้ (999.9%) ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการสร้างสรรค์แว่นตาที่มีคุณภาพสูงและสมบูรณ์แบบ

โดยมีคอนเซปต์คือ "แว่นตาควรเป็นเครื่องมือที่ดีเยี่ยม" ความสบายในการสวมใส่คือหัวใจสำคัญของ 999.9

แว่นตาถูกออกแบบให้ "โอบรับศีรษะ" แทนที่จะเกี่ยวไว้ที่หู ทำให้กระจายแรงกดได้ดี ลดอาการปวดหรือรอยกดทับแม้จะใส่เป็นเวลานาน

นอกจากจะลองใส่แว่นที่หน้าร้านได้แล้ว ยังสามารถวัดสายตาด้วยเครื่องวัดที่สามารถวัดได้ละเอียดถึงความห่างและความสูงของตาข้างซ้ายและขวา ทำให้สามารถตัด “แว่นพิเศษเฉพาะสำหรับคุณ” ได้ที่นี่ด้วย

  

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเลนส์สายตาจะถูกสั่งตัดตามค่าสายตาของแต่ละคน จึงไม่สามารถรับได้ทันที จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ หากเป็นแว่นกันแดดสามารถซื้อแล้วนำกลับได้ทันที ไม่ต้องรอเปลี่ยนเลนส์! ห้ามพลาดมาซื้อแว่นที่ใส่ใจรายละเอียดของ 999.9 กันนะ♪

รายละเอียด LUCUA 1100  

• เวลาทำการ: 10:30-20:30
• ที่อยู่: Umeda 3-1-3 Umeda, Kita-ku, Osaka-shi 530-8558
• การเดินทาง: เชื่อมโดยตรงกับสถานี JR Osaka
• ออกจากประตูตรวจตั๋วกลางของสถานี JR Osaka แล้วเลี้ยวซ้าย หรือ ออกจากประตูตรวจตั๋วทางเชื่อมชั้น 3 แล้วเลี้ยวขวาก็จะถึงทันที

 💡 ดาวน์โหลด “แอปพลิเคชัน Mitsukoshi Isetan”

แนะนำสถานที่ช้อปปิ้งในเกียวโต: JR Kyoto Isetan 

JR Kyoto Isetan เชื่อมต่อกับสถานี JR Kyoto โดยตรง ทำให้เดินทางได้สะดวกมาก และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับทั้งนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่น

คุณจะพบกับสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งสินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง อาหาร ของใช้ในบ้าน และอื่นๆ อีกมากมาย จุดเด่นของ JR Kyoto Isetan คือ “Glocal Store” ที่ผสมผสาน ความเป็นท้องถิ่น (Local) ของเกียวโตเข้ากับความเป็นสากล (Global) โดยมีสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านของเกียวโต และของฝากต่างๆ ที่สะท้อนถึงเสน่ห์ของเมืองเกียวโตวางจำหน่ายอยู่ด้วย

ร้านที่ห้ามพลาดและสินค้าที่ต้องซื้อเมื่อไป JR Kyoto Isetan  

ยกระดับผิวให้สวยอย่างเป็นธรรมชาติด้วยสกินแคร์คุณภาพจากญี่ปุ่น 

“SK-II” ดูแลผิวที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัยด้วยพลังของ PITERA™ 

SK-II เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรีเมียมจากญี่ปุ่นที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1980 ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก PITERA™ เป็นหัวใจสำคัญในการฟื้นฟูและเผยความงามตามธรรมชาติของผิว ด้วยวิธีเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของ SK-II 

SK-II LXP Kintsugi ได้รับแรงบันดาลใจจากเทคนิคการซ่อมเครื่องปั้นดินเผาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เรียกว่า “คินสึงิ” ซึ่งเป็นการซ่อมรอยแตกด้วยการเชื่อมด้วยยางรักและผงทอง ทำให้รอยแตกบนเครื่องปั้นดินเผาดูสวยงาม

ผลิตภัณฑ์ในซีรี่ส์ SK-II LXP Kintsugi มีส่วนผสมของ Gold Silk Sericin III ซึ่งช่วยเสริม “พลังแห่งการรวมตัวของความงาม” เพื่อมอบความงามใหม่ให้กับผิวที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัย

 “SHISEDO” การผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ 150 ปีและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด

ความงามแห่งนวัตกรรมและศิลปะจากญี่ปุ่นสู่ผิวคุณ

SHISEIDO คือหนึ่งในแบรนด์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น แบรนด์นี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1872 ที่ย่านกินซ่า โตเกียว โดยมีจุดเริ่มต้นจากการเป็นร้านขายยาตำรับตะวันตกแห่งแรกของญี่ปุ่น

SHISEIDO ขึ้นชื่อเรื่องการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล้ำสมัยมาผสมผสานเข้ากับสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพสูง แต่ยังมอบประสบการณ์ความผ่อนคลายให้กับจิตใจผ่านการดูแลผิวอีกด้วย ประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 150 ปีทำให้ SHISEIDO เป็นที่ยอมรับและถูกไว้วางใจในคุณภาพจากผู้คนทั่วโลก

สินค้าแนะนำคือ “SHISEIDO Legendary Enmei Collection”

“ความงามเหนือกาลเวลา” ของคอลเลคชั่นนี้เป็นผลจากการรวมตัวของพลังแห่งธรรมชาติและวิทยาศาสตร์

พลังแห่งธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ รวมถึงการผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมด้านสมุนไพรของญี่ปุ่นเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยของ Shiseido ได้สร้างส่วนผสมเฉพาะตัวที่ช่วยปลุกพลังความงามตามธรรมชาติของผิวให้กลับมาอีกครั้ง

แบรนด์นาฬิกาข้อมือของญี่ปุ่น  

“SEIKO” นาฬิกาที่ใส่ได้ทั้งลุคทางการและลุคสบายๆ 

SEIKO เป็นแบรนด์นาฬิกาชั้นนำของญี่ปุ่นที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่หลากหลาย และยังมีนาฬิกาดีไซน์น่ารักสำหรับผู้หญิงมากมายอีกด้วย โดยเฉพาะรุ่น SEIKO LUKIA ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่นยอดนิยมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น PROSPEX, ASTRON, KING SEIKO และ PRESAGE

นาฬิกาของ SEIKO เหมาะสำหรับโอกาสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลุคสบายๆ ไปจนถึงลุคธุรกิจ หรือจะมอบเป็นของขวัญก็ได้

 

ในครั้งนี้เราขอแนะนำ SEIKO Divers Watch 60th Anniversary Limited Edition

โมเดลลิมิเต็ดนี้โดดเด่นด้วยลวดลาย "คลื่น" แบบคลาสสิคบนหน้าปัด โดยเป็นรุ่นที่ได้ต่อยอดจากดีไซน์ของรุ่นที่เปิดตัวในปี 1968

นาฬิกานี้มาพร้อมฟังก์ชัน GMT และขับเคลื่อนด้วยกลไก 6R54 ที่ล้ำสมัย สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 72 ชั่วโมง (3 วัน) ทำให้เป็นโมเดลสุดพิเศษระดับพรีเมียมทั้งด้านฟังก์ชันและรูปลักษณ์

“G-SHOCK” ใช้ได้ทั้งสไตล์สตรีทและเอาท์ดอร์  

G-SHOCK ไม่ได้เป็นแค่นาฬิกาบอกเวลา แต่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งทนทานและสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร

G-SHOCK ถือกำเนิดขึ้นในปี 1983 จากความมุ่งมั่นของทีมวิศวกร Casio ที่ต้องการสร้าง "นาฬิกาที่ไม่มีวันพัง" โครงสร้างกันกระแทกเฉพาะตัวและคุณสมบัติกันน้ำของ G-SHOCK ยังคงถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นนาฬิกาที่ครองใจผู้คนทั่วโลก 

นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ดีไซน์สุดคลาสสิกไปจนถึงโมเดลทันสมัยที่ร่วมมือกับศิลปินหรือแบรนด์ดังต่างๆ G-SHOCK ตอบโจทย์ทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสายสตรีทแฟชั่น นักกีฬา หรือคนที่มองหานาฬิกาคู่ใจที่ลุยไปได้ทุกที่

เราขอแนะนำรุ่น GMA-S2100-7AJF สีขาวด้านสุดคลาสสิกที่เข้าได้กับทุกลุคการแต่งกาย ไม่ว่าจะแต่งตัวสไตล์ไหน เพียงแค่ใส่นาฬิกาเรือนนี้ก็จะทำให้ข้อมือดูสว่างและโดดเด่นทันตา ทำให้เป็นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมจากผู้หญิง 

ส่วนรุ่น GA-2100-1AJF ที่เป็นสีดำ ถึงแม้จะมีดีไซน์เรียบง่าย แต่ก็แฝงด้วยความเท่เหนือกาลเวลา เป็นอีกหนึ่งรุ่นยอดฮิตที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบความมินิมอล แต่ยังคงฟังก์ชันความแข็งแกร่งของ G-SHOCK เอาไว้ 

“BABY-G” ได้ครบทั้งความน่ารักและความทนทาน  

BABY-G ถือกำเนิดขึ้นในปี 1994 โดย Casio ผู้ผลิตนาฬิกา G-SHOCK โดยเป็นนาฬิกาที่ทั้งทนทานและสีสันสดใส

ทำให้เป็นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมจากผู้หญิง เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น วัฒนธรรม หรือกีฬา สามารถสวมใส่และสนุกไปได้กับทุกวัน

รุ่นที่เราอยากแนะนำคือซีรี่ส์ BABY-G BGA-2900 นาฬิกาสุดชิคสำหรับสาวแอคทีฟ

ถึงแม้จะมีดีไซน์เรียบง่าย แต่ก็มีฟังก์ชันครบครัน เหมาะสำหรับผู้หญิงที่รักความแอคทีฟแต่ยังคงต้องการสไตล์ที่เรียบง่ายลงตัว

นาฬิการุ่นนี้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และปรับเวลาอัตโนมัติด้วยคลื่นวิทยุ นอกจากนี้ขนาดที่เล็กกะทัดรัดยังทำให้เหมาะสำหรับทุกวันอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ยังทนทานต่อแรงกระแทก และกันน้ำลึกถึง 10 บาร์เลยทีเดียว ไม่ต้องกังวลถึงแม้จะทำหล่นหรือเปียกน้ำ เหมาะสำหรับทั้งใส่ทำกิจกรรมเอาท์ดอร์และในทุกๆ วัน!

ชาเขียวมัทฉะ ของฝากแบบเกียวโต  

“Malebranche” ขนมที่เต็มไปด้วยความอร่อยและความเป็นเกียวโต 

Malebranche ร้านขนมในเกียวโตที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1982

เสน่ห์ของ Malebranche คือ ความประณีตแบบเกียวโต แม้จะเป็นขนมอบสไตล์ตะวันตก แต่ก็นำความละเอียดอ่อน พิถีพิถัน และวัตถุดิบคุณภาพสูงแบบเกียวโตมาผสมผสานอย่างลงตัว ทำให้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ขนมยอดนิยม “Cha no ka” เป็นคุกกี้ที่ทำจากชาเขียวเข้มข้นคุณภาพสูงจากชาเขียวอุจิ สอดไส้ไวท์ช็อกโกแลตนุ่มๆ ให้รสชาติหอมนวลกลมกล่อมไม่เหมือนใคร ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้ชาเขียวมัทฉะของอิจุ-ชิราคาวะที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี ทำให้เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝากจากเกียวโต 

 

อีกหนึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมคือ “Namacha no ka” ช็อกโกแลตฟอนดันท์รสชาเขียวเข้มข้น ถ้านำไปแช่ตู้เย็นจะให้สัมผัสเหมือนนามะช็อกโกแลตเลย ขนมนี้ใช้ชาเขียวมัตฉะอุจิ-ชิราคาวะเข้มข้น และผ่านกรรมวีธีการอบด้วยไฟอ่อนจนออกมาเป็นขนมที่ให้สัมผัสแบบ “นามะ (สด)” เลย

“Umezono OYATSU” ขนมญี่ปุ่นอร่อยไซส์พอดีคำ  

ขนมญี่ปุ่นดั้งเดิมที่แฝงกลิ่นอายความโมเดิร์นจากเกียวโต

Umezono OYATSU คือร้านขนมญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเกียวโต ร้านนี้เป็นเครือเดียวกับร้านขนมเก่าแก่ชื่อดัง Amatou Chaya Umezono ที่เปิดมานานกว่า 90 ปี

เสน่ห์ของ Umezono OYATSU คือ การนำขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมมาปรับโฉมให้มีความทันสมัยมากขึ้นทั้งในด้านรูปลักษณ์ และรสชาติ ทำให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ก็ยังคงความอร่อยแบบต้นตำหรับเอาไว้ด้วย มีแต่ขนมที่เหมาะซื้อไปเป็นของฝากทั้งนั้นเลย 

 

ขนมยอดฮิตที่ห้ามพลาดคือ “Mitarashi Butter Sandwich” คุกกี้เนยกรอบสอดไส้ซอสมิทาราชิและครีมเนยหอมกลิ่นสาเกญี่ปุ่น ให้รสชาติหวานเค็มกลมกล่อม พร้อมกลิ่นหอมละมุนของไดกิงโจที่เข้ากันอย่างลงตัว เป็นความแปลกใหม่ที่ผสมผสานได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ขนมชนิดนี้ต้องเอาไปแช่ตู้เย็นภายใน 2 ชั่วโมงหลังซื้อ ทำให้เหมาะสำหรับเป็นของหวานไว้ทานเพลินๆ ระหว่างพักผ่อนที่โรงแรม!

อีกอย่างที่ห้ามพลาดคือ “มาเดอลีนสอดไส้ถั่วแดง รสโกโก้น้ำตาลทรายแดง” ที่ทำจากน้ำตาลทรายแดง ผสมกับแป้งโกโก้ที่หอมขมนิดๆ อย่างลงตัว ให้รสชาติหอมหวานลึกซึ้งที่มีเอกลักษณ์ และยังใส่ใจในการใช้วัตถุดิบคุณภาพดีตามแบบฉบับของ Umezono OYATSU อีกด้วย

ภายในร้านถูกตกแต่งในสไตล์น่ารักและอบอุ่น เหมาะสำหรับทั้งเป็นของฝาก และซื้อติดมือกลับบ้าน

ลิ้มรสมองบลังค์สุดพิเศษที่เกียวโตที่ Waguri Senmon Saori  

Waguri Senmon Saori ร้านขนมชื่อดังจากเกียวโตที่เชี่ยวชาญเรื่องมองบลังค์เกาลัดญี่ปุ่นระดับพรีเมียม

ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องการใช้เกาลัดเคียวทัมบะ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเกาลัดคุณภาพดีที่สุดของญี่ปุ่น จุดเด่นของเกาลัดพันธุ์นี้คือความหวานละมุนตามธรรมชาติ กลิ่นหอมฟุ้ง และเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนกว่าเกาลัดพันธุ์อื่นๆ

เมนูยอดฮิตคือ “Sha”

เส้นครีมเกาลัดเนื้อละเอียดที่บีบออกมาเป็นเส้นบางๆ ซ้อนกันอย่างสวยงามราวกับเส้นไหม แค่ได้ชิมคำเดียว รับรองว่ารสชาติหอมหวานละมุนจากเกาลัดแท้ๆ เต็มคำจะต้องละลายในปากแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เมนู “Sha” นี้มีจำนวนจำกัดเพียง 30 ที่ต่อวันเท่านั้น เราขอแนะนำให้มารอที่สาขา JR Kyoto Isetan ตั้งแต่ร้านเปิดจะได้ไม่พลาดความอร่อยสุดพิเศษนี้นะ!

 

เมนูพิเศษเฉพาะของสาขา JR Kyoto Isetan จะใช้ผลไม้ตามฤดูกาลอย่างเต็มที่

ตอนที่ทีมงานไปสัมภาษณ์ ทางร้านเสิร์ฟเมนู “มองบลังค์เกาลัดญี่ปุ่นเส้นไหมกับบลูเบอร์รี” ให้ได้ลิ้มลองกันด้วย รสชาติของบลูเบอร์รีที่สดชื่นกับความหวานละมุนของเกาลัดเข้ากันสุดๆ อร่อยมากๆ เลย!

ถ้าได้แวะมาที่ Saori อย่าลืมเมนูที่ใช้ผลไม้ตามฤดูกาลด้วยนะ♪

ทางร้านจะบีบครีมเกาลัดเป็นเส้นบางเฉียบสดใหม่ให้กับทุกออเดอร์ ทำให้คุณสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมและเนื้อสัมผัสนุ่มละลายแบบขนมสดใหม่

มองบลังค์ของ “Saori” เป็นรางวัลแห่งความสุขที่คนรักเกาลัดห้ามพลาด ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวเกียวโต อย่าลืมแวะไปลองลิ้มรสดูสักครั้งนะ

ลิ้มรสขนมมัทฉะจากร้านเก่าแก่ “Saryo Tsujiri  

เรียกได้ว่า Saryo Tsujiri เป็นสวรรค์ของคนรักมัทฉะเลยทีเดียว ร้านนี้เป็นร้านน้ำชาในเครือของ Gion Tsujiri แบรนด์มัทฉะเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1860 คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้นของขนมมัทฉะคุณภาพสูงที่ใช้ชาเขียวมาทำอย่างพิถีพิถันได้ที่นี่

 

เมนูแนะนำคือพาร์เฟ่ต์มัทฉะสูตรต้นตำรับ “เคียว ซึจิริ พาร์เฟ่ต์ ‘มัทฉะ’”

เครื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมมัทฉะ ฟินองเซียรสมัทฉะ ดังโงะ ถั่วแดง เยลลี่มัทฉะถูกนำมาจัดเรียงอย่างประณีตในถ้วยพาร์เฟ่ต์ ทั้งรสชาติและหน้าตาน่าประทับใจสุดๆ เลย! กลิ่นหอมของมัทฉะที่อบอวลทั่วทั้งปากและรสชาติหวานกำลังดีจะทำให้สามารถสัมผัสถึงบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่คำแรกที่กินเลย

ลิ้มรสเสน่ห์ของชาเขียวอุจิอย่างเต็มที่ที่ร้าน Nakamura Tokichi Honten  

Nakamura Tokichi Honten เป็นร้านชาเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากในเมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1854 ในช่วงปลายยุคเอโดะ และเป็นที่รู้จักในฐานะร้านชาชั้นเลิศที่สืบทอดความพิถีพิถันจากรุ่นสู่รุ่น

นอกจากชาเขียวแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูอาหารที่ใช้มัทฉะคุณภาพสูงเป็นส่วนประกอบหลัก นั่นก็คือ “โซบะสดชาอุจิเท็นฉะ” นั่นเอง

คุณสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของมัทฉะและสีเขียวงดงามที่ไม่เหมือนใครของเส้นโซบะสดใหม่ นอกจากนี้ยังเสิร์ฟพร้อม “เท็นฉะ” ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตมัทฉะอีกด้วย เมื่อนำเส้นเหนียวนุ่มมาจิ้มกับน้ำซุปของทางร้านก็จะทำให้รสชาติและสัมผัสของเส้นเข้ากันได้อย่างลงตัวมากยิ่งขึ้น

 

หลังจากอิ่มจากอาหารคาวแล้ว ต้องตบท้ายด้วยของหวานกันหน่อย เมนูของหวานที่ห้ามพลาดคือ “Maruto Parfait รสมัทฉะ” ยอดนิยม

พาร์เฟ่ต์ถ้วยนี้อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมของมัทฉะเข้มข้น โดยได้รวมทั้งไอศกรีมมัทฉะ วิปครีม ถั่วแดงกวน และเค้กเนื้อนุ่มเอามาไว้ในถ้วยเดียวอย่างจุใจ

 รายละเอียด JR Kyoto Isetan

• เวลาทำการ: 10:00-20:00 *เวลาทำการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละร้านค้า
• ชั้น 11 โซนร้านอาหาร Eat Paradise: 11:00-22:00
• ชั้น 7, 8, 9, 10 Open View Restaurant: 11:00-23:00
• ที่อยู่: Higashi Shiokoji-cho, Karasuma-dori Shiokoji-sagaru, Shimogyo-ku, Kyoto-shi, Kyoto, 600-8555
• การเดินทาง: เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี Kyoto สาย JR, Kintetsu, และรถไฟใต้ดินเกียวโต 

💡 ดาวน์โหลด “แอปพลิเคชัน Mitsukoshi Isetan” 

LUCUA 1100 และ JR Kyoto Isetan ที่เราได้แนะนำไปในบทความนี้เป็นยังไงบ้าง?

นอกจากห้างทั้งสองแห่งจะเดินทางไปได้สะดวกแล้ว ยังมีสินค้าครบครันและบริการต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น เครื่องสำอาง ของใช้ไลฟ์สไตล์ หรือขนมหวานยอดฮิต

ถ้าหากครั้งหน้ามีโอกาสมาเที่ยวภูมิภาคคันไซ อย่าลืมแวะมาเที่ยว LUCUA 1100 และ JR Kyoto Isetan กันนะ ยิ่งไปกว่านั้น ขอแนะนำแอป “MITSUKOSHI ISETAN JAPAN” ที่จะทำให้การช้อปปิ้งของคุณคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นอีกด้วย!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอปพลิเคชันและ MITSUKOSHI ISETAN ได้ทางนี้! 

💡 ดาวน์โหลด “แอปพลิเคชัน Mitsukoshi Isetan” 

*ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568