เรื่องราวลี้ลับและสยองขวัญ ตอนที่ 53: ตำนานฉลามเจ็ดตน

  • 22 ตุลาคม 2021
  • 25 ตุลาคม 2021
  • Mon
  • Mon

เรื่องราวลี้ลับและสยองขวัญ ตอนที่ : ตำนานฉลามเจ็ดตน

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีตำนานท้องถิ่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรียวเมนสุคุนะแห่งฮิดะ (ปัจจุบันคือกิฟุ-ทาคายามะ) ตำนานเท็งงุตามภูเขาต่าง ๆ ไปจนถึงตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพต่าง ๆ ในครั้งนี้เราจะไปรู้จักกับ ตำนานฉลามเจ็ดตน หรือ 七本鮫 (shichihonzame) กันครับ

ตำนานฉลามเจ็ดตน

ว่ากันว่า ในแถบชิมะนั้น มีศาลเจ้าอิเสะอีกแห่งที่แยกออกจากมาจากวังใน (内宮 / naikuu) และวังนอก (外宮 / gekuu) ชื่อว่า อิซาวะโนะมิยะ หรือ อิโซกู (伊雑宮 / izawa no miya / izouguu) ซึ่งในพิธีแรกนาขวัญ (御田植祭 / otaue matsuri พิธีดำนาครั้งแรกของปี ทำโดยศาลเจ้าท้องถิ่นเพิ่อความเป็นศิริมงคล) ที่ศาลเจ้านี้ เคยมีฉลามเจ็ดตัวว่ายจากอ่าวมาโตยะ (的矢湾 / matoya-wan) ตามแม่น้ำอิโซเบะ (磯部川 / isobegawa) มาร่วมในพิธีด้วย เชื่อกันว่าเป็นฉลามเจ็ดตนผู้เป็นคนส่งสาส์นของริวกู (龍宮 / ryuuguu วังมังกร วังใต้ทะเล) หรือเทพมังกรนั่นเอง

ฉลามทั้งเจ็ดนั้นจะมาสบัดหางทักทายอวยพรว่า “วันนี้เป็นวันฤกษ์งามยามดี ท่านอิโซเบะก็อารมณ์ดีนะ” (ผู้ดูแลศาลเจ้าอิโซกู ปกติเป็นคนในตระกูลอิโซเบะ)

แต่ทว่า ในครั้งหนึ่งได้มีชาวประมงคนหนึ่งฆ่าฉลามตัวหนึ่งตายไปด้วยฉมวก ทำให้ฉลามที่เหลืออีก 6 ตัวกัดกินชาวประมงคนนั้นไปเสีย และตระกูลนั้นก็ต้องตกต่ำ นัยแต่นั้นมา ก็มีฉลามเพียง 6 ตัวเท่านั้นที่มาร่วมงาน

และยังกล่าวกันว่า ในวันดังกล่าว ตรงกับวันที่ 25 เดือน 6 ตามปฏิทินโบราณของญี่ปุ่น นักประดาน้ำหญิง อามะซัง(海女さん / ama-san) จะไม่ดำน้ำ แต่จะไปสักการะบูชาศาลเจ้าอิโซกูแทนครับ

ในตำนานก็กล่าวว่า เคยมีเด็กถูกฉลามธรรมดากัดกินไปครึ่งหนึ่ง เพื่อแก้แค้น จึงทำตุ๊กตามาเกี่ยวใส่เบ็ดขนาดใหญ่เป็นเหยื่อล่อ และจับฉลามเทพตนดังกล่าวได้ และฆ่าไปด้วยความเข้าใจผิดครับ

ตำนานนี้ยังมีในพื้นที่อื่น ๆ ด้วยครับ แต่วันที่ฉลามไปเยือนจะต่างกันไป เช่นที่เกาะซาคุชิมะในจังหวัดไอจิ ตรงกับวันที่14 เดือน 6 และมีการห้ามลงว่ายน้ำเช่นกันครับ

วันนี้เป็นเรื่องสั้น ๆ เลยขออนุญาตต่อด้วยเรื่องลี้ลับที่เกี่ยวข้องอีกสักเรื่องนะครับ

เรื่องลี้ลับ: ต่างมิติ

เรื่องลี้ลับ: ต่างมิติ

เป็นเรื่องเมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อนมั้งครับ นับว่าเป็นเรื่องที่จำฝังใจที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลยครับ
เป็นเรื่องที่เกิดทางแถบโทโฮคุ ณ สถานที่ที่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคนอยู่อาศัย ทิวทัศน์เหมือนที่เห็นได้บ่อย ๆ จากรถไฟ ที่มองไปก็เจอแต่ภูเขามีป่าปกคลุมครับ

ผมไปที่นั่นเพียงเพราะว่าถูกรางวัลได้ตั๋วไปพักที่ออนเซ็นเท่านั้น แต่พอไปถึงจริง ๆ ก็อย่างว่าครับ อาจจะฟังดูเสียมารยาทสักหน่อย แต่ก็เป็นที่ที่ไม่มีอะไรเลยครับ
ที่พักก็แทบจะไม่มีวี่แววคนอยู่ แถมยังอยู่ในภูเขาที่ยิ่งดูเหมือนไร้เงาคนเข้าไปอีก
ถึงจะเป็นภูเขา แต่ก็ไม่ได้เป็นป่าทึบครับ จะบอกว่าภูเขาลูกเล็ก ๆ ก็คงไม่ถูกเช่นกัน
แล้วอาคารที่ว่านั้นก็ตั้งอยู่ในที่ดังกล่าวราวกับถูกกลืนไปในผืนป่า
ต่อให้คิดเล่น ๆ แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้น ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่แหล่งท่องเที่ยวแน่นอนครับ มุมปากผมก็โค้งลง

จริง ๆ ก็ไม่ได้หวังอะไรไว้มากหรอกครับ แต่ออนเซ็นที่ว่า ดูแล้วไม่ต่างจากโรงอาบน้ำสาธารณะเลยครับ
แต่ไหน ๆ ก็มาถึงแหล่งออนเซ็นแล้ว แถมไม่มีอะไรให้ทำนอกจากพักอยู่ในบ้านนี้ ผมเลยลงไปแช่ออนเซ็นทันทีครับ
พอร่างกายที่เย็นได้ลงแช่ในน้ำอุ่น ๆ ผมก็ลองนึกถึงตอนไปทำกิจกรรมกลางป่าเขาสมัยมหาลัยไปพลาง ๆ มุมปากผมก็โค้งลงอีกครั้ง
แต่การแช่ออนเซ็นแต่หัววันก็ไม่เลวเลยครับ

แช่ ๆ อยู่ น้ำอุ่นเข้าปาก รสชาติเค็มแปลก ๆ สมเป็นออนเซ็น น้ำมันก็ต่างจากน้ำร้อนทั่วไป
ไม่รู้เพราะพระอาทิตย์ตกหรือยังไง ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มขึ้นมา
สงสัยผมคงแช่ไปนานพอดูเลยเชียว ตัวผมดูเหมือนหมึกกล้วยต้มเปื่อยเลยครับ

ไปดูป้ายบอกทาง ก็เห็นว่าใกล้ ๆ มีสระธรรมชาติอยู่
เพื่อเป็นการคลายความร้อนจากออนเซ็น ผมเลยตัดสินใจเดินไปดูสระที่ว่าครับ
เดินทะลุที่พักเข้าไปในป่าลึกได้กระมั้ง ก็เจอบึงเข้าครับ
ตอนนั้นผมคิดไปว่า นี่ไม่น่าจะเรียกว่าสระนะ เหมือนบึงมากกว่า

ที่ริมบึงก็มีชายชรากำลังตกปลาอยู่ พอถามไปว่า ที่นี่ตกอะไรได้บ้าง แกก็เอากล่องเก็บความเย็นให้ดู
ภายในมีสิ่งที่ดูไม่น่าจะจับได้ว่ายอยู่ครับ
มันคือปลาตาเดียว (ปลาทะเล)

ตัวผมเย็นวูบทันที

ต้นไม้ในป่าบดบังแสงต่าง ๆ ยิ่งสร้างบรรยากาศเข้าไปใหญ่เลยครับ
พอกำลังจะลองถามว่า ทำไมมีปลาตาเดียว… จู่ ๆ น้ำที่บริเวณขาก็กระเพื่อม
มีเศษไม้ที่มีรอยเหมือนถูกเขมือบไปบางส่วนลอยอยู่ตรงนั้น

ชายชราพูดกึ่ง ๆ ไล่ว่า “มีฉลามอยู่ อย่าเข้าไปใกล้น้ำล่ะ”

ผมรู้สึกเหมือนเวลาหยุดไปครู่หนึ่ง
ร่างกายผมรีบกระโจนให้ห่างจากริมน้ำในทันทีที่ได้ยินคำของชายชราคนนั้น
ไม่ได้ตกใจแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
ตั้งแต่เคยเห็นซากสัตว์ลอยในสระกระมั้งครับ
แต่ดูท่าแล้ว ดวงผมคงสมพงศ์กับบริเวณที่มีน้ำในป่าเขาแหละครับ

แต่ว่าบึงเล็ก ๆ แบบนี้ จะมีฉลามอยู่จริงเหรอ ถึงจะมีปลาตาเดียวก็เถอะ
พอผมลองถามแบบนั้นไปดู ชายชราก็เล่าเรื่องที่เหมือนเรื่องเล่าโบราณให้ฟังครับ

บึงนี้ สมัยก่อนเคยเชื่อมถึงทะเล
สมัยที่ยังเชื่อมกับทะเลนั้น มีฉลามเจ็ดตัวที่เชื่อว่าเป็นคนส่งสาส์นของท้องทะเล แหวกว่ายวนไปตามทะเลทั่วญี่ปุ่น
แล้วฉลามทั้งเจ็ดก็จะทำการรวมตัวกันตามที่ต่าง ๆ ปีละครั้ง

แต่ว่าในครั้งหนึ่ง หนึ่งในเจ็ดนั้นได้ถูกจับได้ ไม่ก็ตายไป เลยหายไปจากฝูง
ด้วยเหตุนั้น จึงได้เกิดการระบาดของโรคติดต่อขึ้น

เรื่องลี้ลับ: ต่างมิติ

แล้วฉลามตัวที่ว่านั้นก็อยู่ที่นี่
รูปร่างก็ต่างจากฉลามอื่น ๆ มีหัวเหมือนค้อน

ตัวผมเย็นวูบอีกครั้ง

พอลองมองดูรอบ ๆ ก็ตกค่ำแล้ว ฟ้าเป็นสีครามเข้ม
พอกำลังจะขอบคุณชายชราและหันหลังกลับ ก็เห็นว่าชายชราคนนั้นมีขาข้างเดียว
ผมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
พอพลาดโอกาสร่ำลาไป ชายชราก็กล่าวว่า

ที่เชื่อมถึงทะเลนั้น มันก็เมื่อหลายร้อยปีก่อนแล้ว
ไม่รู้ติดใจอะไร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่เข้า

คงจะเพราะบรรยากาศมันมืดมั้งครับ เลยรู้สึกเหมือนเห็นว่า คิ้วของชายชรานั้นดูโศกเศร้าชอบกล

แกยังบอกว่า บางครั้งก็ตกได้ปลาที่ท้องเน่าแล้ว

พอชายชราพูดประโยคสุดท้ายนั้นจบ แกก็เอาไม้เท้าที่อยู่ในเงามืดออกมาค้ำแล้วเดินจากไป
ไม่รู้เพราะจู่ ๆ เกิดสนใจขึ้นมาหรือว่ายังไง แต่ก่อนที่แกจะเดินจากไป ผมได้ลองถามชื่อแกไว้ครับ แล้วก็มุ่งหน้ากลับที่พัก ครั้งนี้เพื่อคลายความหนาวแทน

ถึงที่พัก ระหว่างกินอาหารเย็น ก็คิดเรื่องที่ยังไม่เข้าใจไปต่าง ๆ นา ๆ ว่า อ๋อ เพราะงี้เองน้ำถึงได้เค็มเอย เกี่ยวข้องกันอย่างโง้นอย่างงี้เอย
วันถัดมา ตอนที่กำลังจะออกเดินทางกลับ พอลองแอบส่องดู ชายชราก็ยังตกปลาอยู่เหมือนเดิม
พอลองดูดี ๆ ใกล้ ๆ ก็มีศาลขนาดเล็กตั้งอยู่ด้วย
เมื่อคืนมันมืดจนไม่ทันสังเกตเห็นครับ
พอบอกเป็นพิธีว่าวันนี้จะกลับแล้วเสร็จ ก็ตรงกลับทันทีเลยครับ

บนรถไฟขากลับ กำลังนั่งเพลิน ๆ ก็ได้ยินคนคุยกันมาจากที่นั่งด้านหลัง
มีทั้งเรื่องฉลามเมื่อวานด้วย เป็นเรื่องราวที่คนรู้จักกันทั่วงั้นหรอกเหรอเนี่ย

พอลองตั้งใจฟังดี ๆ จับใจความเรื่องราวคร่าว ๆ ได้ว่า

ในบรรดาฉลามทั้งเจ็ดนั้น ฉลามหัวค้อน กับฉลามอีกตัว ได้ทะเลาะกัน จนถูกกัดครีบหางขาดไป

ผมรู้สึกหนาววูบอีกครั้ง

นามของชายชราคนนั้นคือ วานิ (ワニ)
คำว่าวานิ (จระเข้) ในสมัยก่อน หมายถึง ฉลาม
นึกถึงคำนี้ออกมาได้ครั้งที่ 31 ผมก็รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่สะสมอยู่ขึ้นมาทันที

----------------------------------

แปลจาก 異界 อ่านโดย ごまだんご

ก็ไม่รู้นะครับว่า ชายชราคนนั้น เป็นฉลามที่เคยกัดกันกับฉลามที่มาติดอยู่ในบึง หรือเป็นฉลามหัวค้อนประจำบึงนั้นเองแต่อย่างแรกน่าจะเป็นไปได้มากกว่าครับ

แม้ว่าตำนานจะคล้ายคลึงกับทางแถมชิมะในอิเสะ แต่ฉลามตัวที่หายไปจากฝูง ในตำนานทางฝั่งโทโฮคุก็ไม่ได้ถูกชาวประมงจับหรือฆ่าตาย แต่ทะเลาะกับฉลามอีกตัวจนหนีมาอยู่ที่บึงนี้จนบึงตัดขาดจากทะเลไปในที่สุด แม้ว่าจะเป็นฉลามที่มีอิทธิฤทธิ์ แต่ก็ไม่ยอมไปไหน จนเพื่อนต้องมาเฝ้า ประมาณนั้นมั้งครับ…

แต่เจ้าของเรื่องนี่อาจจะหลุดไปต่างมิติเลยก็เป็นได้นะครับ หึหึหึ

หัวข้อเรื่อง

Survey[แบบสอบถาม] กรุณาบอกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น







Recommend