
ไม่ว่าประเทศไหนก็ต้องมีความเชื่อ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ จะว่าไปประเทศญี่ปุ่นเองก็ขึ้นชื่อเรื่องนี้ไม่แพ้ชาติใด แม้แต่ในเมืองหลวงใหญ่ที่มีแต่ความทันสมัยอย่างกรุงโตเกียวก็ยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แทรกอยู่อย่างกลมกลืน
ถึงแม้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆในประเทศญี่ปุ่นจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน มีเสาโทริอิ มีเจดีย์ห้าชั้น แต่แท้จริงแล้ว วัด กับศาลเจ้า นั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน ถ้าอยากสักการะให้ถูกก็ต้องแยกให้ออกก่อน
วัด ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธ

ชื่อของสถานที่มักตามหลังด้วยคำว่า Dera, Tera และ Ji เช่น Kiyomizu-dera วัดน้ำใสที่เกียวโต หรือ Senso-ji วัดอาซากุสะที่โตเกียว เป็นต้น อาจมีวัดบางแห่งในประเทศญี่ปุ่นที่ไม่ได้ลงท้ายด้วยคำว่า –dera –tera –ji แต่ลงท้ายด้วยคำว่า –in หรือ –do วัดที่ลงท้ายด้วยสองคำนี้อาจไม่ใช่สถานที่ที่สร้างเป็นวัดมาแต่เดิม หากแต่ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจนกลายมาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพระพุทธศาสนาในภายหลัง
จุดเด่นของวัด

พระพุทธรูป
วัดจะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายในวัด

กระถางธูป
วัดจะมีกระถางธูปตั้งไว้ให้จุดธูปไหว้พระขอพร

เครื่องหมายสวัสติกะ
เครื่องหมายสวัสติกะที่ปรากฏในแผนที่หรือภายในวัดญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ว่าสถานที่แห่งนี้คือวัด
นิยามของวัด

วัดเป็นที่อาศัยของผู้เผยแผ่ศาสนาอย่างพระสงฆ์หรือแม่ชีและมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ โดยพระพุทธรูปนั้นมีหลายปางหลายภาคไม่ว่าจะเป็นพระไวโรจนะพุทธะ หรือเจ้าแม่กวนอิม ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นพระพุทธรูปปางไหนก็ไม่เป็นไรนะ แวะมาเยี่ยมชมและไหว้พระกันได้ แต่ถ้ารู้รายละเอียดก็อาจจะทำให้การเที่ยววัดนั้นๆ น่าสนใจยิ่งขึ้น คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะจัดงานศพตามพิธีของศาสนาพุทธ และสุสานก็มักจะอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับวัดด้วย
ศาลเจ้า ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาชินโต
ชื่อของสถานที่จะตามหลังด้วยคำว่า Jinja, Jingu หรือ Taisha ซึ่งมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป
JINJA หมายถึง ศาลเจ้าทั่วไปอาจเป็นศาลเจ้าเล็กๆ ที่ไม่ได้มีนัยแฝงถึงเทพเจ้าองค์ใดเช่น Yasaka Jinja ศาลเจ้ากิองในเมืองเกียวโต

JINGU หมายถึง ศาลเจ้าใหญ่ที่สร้างไว้เพื่อบูชาดวงวิญญาณของจักรพรรดิญี่ปุ่น เช่น Meiji Jingu ศาลเจ้าเมจิที่โตเกียว เป็นสถานที่สถิตดวงวิญญาณของจักรพรรดิเมจิ

TAISHA ศาลเจ้าชั้นสูง ส่วนใหญ่เป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ที่เป็นที่สถิตของเทพเจ้าในตำนานความเชื่อของคนญี่ปุ่น เช่น Fushimi Inari Taisha ศาลเจ้าของเทพสุนัขจิ้งจอกที่มีเสาโทริอิเรียงรายเป็นหมื่นต้นที่เมืองเกียวโต

จุดเด่นของศาลเจ้า
Torii
ศาลเจ้าจะมีเสาโทริอิหรือซุ้มประตูที่ทำจากไม้ขนาดใหญ่ทาสีแดงหรือเป็นสีไม้ธรรมชาติตั้งอยู่ด้านหน้าศาลเจ้า สถานที่ใดที่มีซุ้มประตูโทริอิตั้งอยู่ คนญี่ปุ่นเชื่อว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นอาณาเขตของเทพเจ้า ดังนั้นจึงควรหยุดเคารพโดยการก้มศีรษะลงหนึ่งครั้งก่อนเดินผ่านซุ้มประตูโทริอิเสมอ

Shimenawa
มีเชือกที่เรียกว่าชิเมะนะวะแขวนอยู่ในบริเวณศาลเจ้า คนญี่ปุ่นเชื่อว่าชิเมะนะวะจะช่วยปกปักรักษาและป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าได้

นิยามของศาลเจ้า
ศาลเจ้า มักเป็นสถานที่ที่มีอยู่ในธรรมชาติมาช้านาน หรือเคยถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ในอดีต ภายในศาลเจ้าจะมีมีนักบวชและมิโกะเป็นผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่สถิตของเทพเจ้าของศาสนาชินโต แต่เราไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของเทพเจ้าได้ต่างจากวัดที่จะมีพระพุทธรูปให้สักการะ

ข้อแตกต่างระหว่างศาสนาพุทธและชินโต
ศาสนาพุทธถือเป็นศาสนาจากต่างประเทศที่เข้ามาโดยการเผยแผ่ศาสนาของประเทศจีนและอินเดีย ในทางกลับกัน ศาสนาชินโตเป็นศาสนาที่ถือกำเนิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น โดยยึดถือเทพเจ้าหลายองค์รวมไปถึงสรรพสิ่งในธรรมชาติอย่างป่าเขา ก้อนหิน ต้นไม้ ไปจนถึงตัวบุคคล ศาสนาชินโตมีความเชื่อว่าทุกๆ สิ่งในโลกใบนี้มีเทพเจ้าสถิตอยู่

คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่นับถือศาสนาชินโต ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของหลักความเชื่อต่างๆในประเทศญี่ปุ่น ชินโต มีความหมายว่า “วิถีแห่งเทพเจ้า” ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงมีพลังความศรัทธาต่อองค์เทพต่างๆเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากเรื่องราวความเชื่อที่มักเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม คนญี่ปุ่นไม่ค่อยเคร่งกับการประกอบพิธีกรรมตามแต่ละศาสนานัก อาจมีการจัดงานแต่งงานในศาลเจ้าชินโต และจัดงานศพในวัดพุทธ หรือไหว้พระขอพรสักการะจากทั้งสองศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ เพราะเหนือจากเรื่องราวความเชื่อที่เล่าขาน สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าคือพลังแห่งความศรัทธา
Comments